เที่ยวชมทะเลหมอก 3 ภู 2 ดอย ในทริปเดียวกัน
ฤดูหนาว ที่ภูชี้ฟ้า ผู้คนจากทุกทิศทั่วไทยจะนัดหมายมาสัมผัสความหนาวเย็น ชมพระอาทิตย์ ทะเลหมอก ดอกไม้กันเต็มเขาเทือกนี้ พอลมหนาวเริ่มอ่อนเข้าช่วงต้นปี ภูชี้ฟ้าก็ยังน่าเที่ยว สะพรั่งไปด้วยดอกเสี้ยวสีขาว ดอกซากุระสีชมพูดุจงานเลี้ยงส่งของฤดูกาลที่อัศจรรย์
ทริปเที่ยวภูชี้ฟ้าสมัยก่อนจะมี 1 ภู กับ 1 ดอย คือภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง แต่ปัจจุบันได้มีการเปิดจุดท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 2 ภู กับ 3 ดอย นั่นคือ ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน ดอยผาหม่น และดอยผาตั้ง นั่นหมายความว่าใครที่อยากไปเที่ยว ควรเตรียมเวลาไม่น้อยกว่า 2 คืนกำลังดี จะได้เก็บได้ครบ จบในทริปเดียวและไม่เหนื่อยจนเกินไป
ช่วงเวลาที่ผู้คนเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วงปลายปีต่อต้นปี ที่พักแน่นขนัดไปหมด ลานกางเต็นท์ก็เต็มเสียเป็นส่วนใหญ่ ใครที่ไม่อยากไปเจอเพื่อนเยอะในเวลานี้ รอพ้นปีใหม่ไปไม่กี่วัน บรรยากาศก็จะต่างกันอย่างมาก รางวัลของการเดินทางไปเที่ยวช่วงนี้คือความสะดวกสบายเรื่องการเดินทาง รถราไม่ติดขัด นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ชมวิวเต็มๆ ได้สะดวกสบาย ถ่ายรูปมุมไหนไม่ติดแขกที่ไม่ได้รับิญ เรียกว่าเที่ยวได้สบายใจ แถมยังได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นอยู่อีกด้วย
Location จากตัวเมืองเชียงราย ไปตามทางหลวงหมายเลข 1020 สู่ อ.เทิง จากนั้นไปตามทางหลวง 1155 ถึงกม.ที่ 25 เลี้ยวขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 1093 ขึ้นสู่ภูชี้ฟ้า
แต่หากมาจาก อ.เชียงของ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 ระยะทางประมาณ 15 กม. จากนั้นเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 1155 มีป้ายบอกไปภูชี้ฟ้า หรือจากดอยผาตั้งขับรถขึ้นมาจากเส้นทางบ้านร่มฟ้าไทย
หากมองในแผนที่จะพบว่าภูชี้ฟ้านั้นตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันออกของ จ.เชียงราย เป็นยอดเขาสูงที่สุดของดอยผาหม่น เปรียบเสมือนเป็นชายแดนของประเทศที่กั้นระหว่างไทยและลาว ครอบคลุมพื้นที่บ้านร่มฟ้าทอง ต.ปอ อ.เวียงแก่น และบ้านร่มฟ้าไทย ต.ตับเต่า อ.เทิง
ส่วนยอดของภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นหน้าผาที่มีแหลมยื่นเข้าไปในอากาศ คล้ายกับว่ากำลังชี้ขึ้นไปบนฟ้า มองคล้ายกับสิงโตกำลังอ้าปาก บางคนก็มองแบบตลกๆ ว่าเหมือนตูดไก่ พื้นที่ด้านบนบนยอดภูชี้ฟ้ายังมีทุ่งหญ้ากว้างประมาณ 1 กม.เป็นจุดชมวิวที่สวยงามทั้งยามเช้า ยามกลางวัน และค่ำคืน บนระดับความสูง 1,700 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
วนอุทยานภูชี้ฟ้า มีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ นับเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น สูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 ม. นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีกิจกรรมรวมถึงที่เที่ยวใกล้เคียงให้แวะชมมากมาย
ยอดภูชี้ฟ้า มีจุดชมวิวสวยงามอยู่ 2 จุด คือบริเวณยอดภู และบริเวณลานก่อนถึงยอด มีทัศนียภาพของทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าสวยงามมาก ส่วนช่วงสายก็มองเห็นผืนป่าสมบูรณ์กว้างไกลทั้งฝั่งไทย และหมู่บ้านเชียงตองในประเทศลาว
ชมวิว ชมทะเลหมอกภูชี้ฟ้า
หากคุณเลือกพักในรีสอร์ตบริเวณบ้านร่มฟ้าทองหรือบ้านร่มฟ้าไทย ประมาณตีสี่กว่าๆ เจ้าของรีสอร์ตจะปลุกคุณให้เตรียมตัวเดินทางด้วยรถสองแถวไปยังลานจอดรถบริเวณตีนภูชี้ฟ้า
จากนั้นต้องเดินเท้าส่องไฟฉายเดินขึ้นเขาไปประมาณ 760 ม. ก็จะถึงยอดภูชี้ฟ้า แต่ถ้าคุณเลือกกางเต็นท์นอนที่ตีนภูชี้ฟ้า ก็สะดวกหน่อยไม่ต้องตื่นเช้ามาก และมีเวลาได้เดินขึ้นไปจับจองมุมถ่ายภาพทะเลหมอกสวยๆ ได้ก่อนใคร
เมื่อมาถึงยอดภูชี้ฟ้าจะมองเห็นภูเขาสูงทำมุม 45 องศา มีพื้นที่ราบให้เดินเที่ยวชมประมาณ 1 กม. วิวด้านหน้าเป็นหน้าผาสูงมองเห็นหมู่บ้านเชียงตองในประเทศลาว บนยอดภูชี้ฟ้ามีจุดชมวิวยอดนิยมอยู่ 2 จุด คือบริเวณยอดภู และบริเวณลานก่อนถึงยอด โดยจุดชมวิวทั้งสองจุดได้รับการยกย่องให้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ถึงแม้พระอาทิตย์จะขึ้นโด่งจนสายแล้ว บางวันทะเลหมอกด้านล่างก็ยังหลงเหลือ พอให้มองเห็นวิวป่าเขาสลับซับซ้อนสวยงามไม่แพ้ยามเช้าตรู่ แต่ส่วนใหญ่พอพระอาทิตย์แล้วก็จะรีบลงกลับไปกินอาหารเช้ากันที่รีสอร์ทกันเลย
ความงามภูชี้ฟ้าไม่ได้จบตรงพระอาทิตย์ขึ้น หมอกละลายแล้วก็หายไป ความแจ่มใสของภูชี้ฟ้ายามกลางวัน ยังมองเห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกลไปถึงวิวประเทศลาว โดยเฉพาะในวันที่อากาศแจ่มใส สายหน่อยค่อยลงมากินอาหารเช้าที่รีสอร์ท จากนั้นเตรียมตัวไปเที่ยวกันต่อ
อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงภูชี้ฟ้าแล้ว ก็รอชมความงามให้ครบทุกช่วงเวลากันไปเลย
จากภูชี้ฟ้า ไปเที่ยวดอยผาตั้งกันต่อ ระหว่างภูชี้ฟ้าไปดอยผาตั้ง ระยะทางเพียง 25 กม. จะมีอีกภูน่าเที่ยว เป็นน้องใหม่ล่าสุดก็ว่าได้นั่นคือภูชี้ดาว ภูชี้เดือน อยู่ตรงกลางระหว่างภูชี้ฟ้า ดอยผาหม่น และดอยผาตั้ง
ทริปนี้จึงได้เที่ยวยอดเขา 3 ภู 2 ดอยกันเลยทีเดียว ถ้ามีเวลาพออาจจะเลือกพักภูชี้ฟ้าสักคืน ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน หรือดอยผาหม่น ทุกที่ล้วนมีรีสอร์ท และเต็นท์ให้บริการ คืนที่สองอยากจะนอนที่ไหนเลือกกันได้ตามใจชอบ
แล้วไปต่อดอยผาตั้งอีกสักคืน คุ้มกับการเดินทางไกลไปถึงเชียงราย เก็บได้ครบจบในทริปเดียว
ภูชี้ดาว อยู่ในเขตต.ปอ อ.เวียงแก่น มีความสูง 1,800 ม.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงกว่าภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง บนภูชี้ดาวจะเห็นวิวได้ 360 องศา เห็นตั้งแต่แม่น้ำโขงไปจนถึงผืนป่าด้านล่างกันเขียวแน่นขนัด
จะมาเที่ยวภูชี้ดาวต้องเป็นคนขยัน คือตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก
หากคุณพักอยู่ที่แสงดาวรีสอร์ท ภูชี้ดาว จากที่พักขึ้นไปบนภูระยะทาง 3.5 กม. ต้องใช้รถของหมู่บ้าน ไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปเองเพื่อความปลอดภัย ค่าเดินทางคนละ 100 บาท ต่ำกว่า 4 คนต้องเหมา 500 บาท
ตื่นสักตีห้าก็ไปทันที่จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และทิวทัศน์ที่งามสุดในหน้าหนาว สายหน่อยหมอกละลายหายไปก็เห็นคลื่นภูเขาสลับซับซ้อนเขียวขจีมองสุดสายตา สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นๆ ชื่นใจก่อนเดินทางลงไปกินอาหารเช้าที่รีสอร์ท
หากมีเวลายังมีจุดชมวิวอีกแห่งที่ชื่อภูชี้เดือน
ภูชี้เดือน
หากคุณพักอยู่ที่ไร่ชี้ดาว ภูชี้เดือนก็ง่ายเลย จากที่พักเดินทางไปเพียง 3 กม. ต้องใช้รถบริการจากท้องถิ่นเหมือนภูชี้ดาวเพื่อความปลอดภัย ค่ารถขั้นต่ำคันละ 500 บาท ถ้ามากัน 6 คนขึ้นไปก็คนละ 100 บาท 10 คนก็ 1,000 บาท พักที่ไร่ชี้ดาว ภูชี้เดือนสามารถเที่ยวได้ทั้งภูชี้ดาว และภูชี้เดือน ได้เก็บตะวัน เก็บทะเลหมอก เก็บวิวยกกำลังสองกันไปเลย
ดอยผาหม่น
ชมทะเลหมอกที่ภูชี้เดือนแล้ว ก่อนไปดอยผาตั้งจะผ่านดอยผาหม่น ซึ่งมีจุดชมทะเลหมอกอันสวยงาม ไม่น้อยหน้าใครเลย แต่มีจุดเด่นตรงที่ระยะทางเดินเท้าสั้นมาก เพียง 30 ม. ก็ถึงจุดชมวิวดอยผาหม่นแล้ว ทางขึ้นดอยผาหม่นมีที่พักให้บริการไม่มากนัก จึงมีความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับคนรักความสงบ แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย
ดอยผาตั้ง
บนสันเขาที่จะได้ชมทิวทัศน์สองข้างทางอันสวยงามของคลื่นทะเลภูเขาสลับซับซ้อน และตามไหล่เขามีพืชผักที่ชาวม้งปลูกตลอดแนว มากที่สุดเห็นจะเป็นกะหล่ำปลีที่กว้างใหญ่ไพศาล เกิดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา
ดอยผาตั้ง
ดอยผาตั้ง อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าเพียง 25 กม. ขับรถไปเที่ยวได้ตามทางหลวงหมายเลข 1093 นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวสองแห่งนี้ต่อเนื่องในวันเดียวกัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวตัวยงจะทราบดีว่าการมาเที่ยวดอยผาตั้งนั้นต้องสลับวันกับการไปเที่ยวภูชี้ฟ้า เพราะวิวทะเลหมอกยามเช้าที่ดอยผาตั้งนั้นงดงามไม่แพ้ที่ภูชี้ฟ้าเลย
ดอยผาตั้ง อยู่ในพื้นที่บ้านผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น นับเป็นเทือกเขาต่อเนื่องของดอยผาหม่น ลักษณะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 ม. จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม จะมีอากาศหนาวจัดและมีทะเลหมอกตอนเช้าให้ชมความงามนั้นไม่แพ้ภูชี้ฟ้าเลย
หากเช้าวันแรกไปชื่นชมที่ภูชี้ฟ้ามาแล้ว เช้าวันที่สองไม่ควรพลาดมาชื่นชมที่ดอยผาตั้ง
ชมวิว
สิ่งที่น่าสนใจของดอยผาตั้งอีกสิ่งหนึ่งก็คือ เป็นจุดชมทัศนียภาพของขุนเขาบริเวณรอบๆ ที่กว้างขวางโดยมีผาบ่อง หรือ ประตูสยาม เป็นหน้าผาที่มีช่องขนาดใหญ่ให้เดินลอดผ่านเข้าไปชมทิวทัศน์ประเทศลาว
ในอดีตเคยเป็นเส้นทางสัญจรกองพล 93 ของนายพลต้วนที่ใช้ข้ามไปยังประเทศลาว จะสังเกตได้จากบังเกอร์หลบภัยด้านบนช่องเขาที่ยังคงหลงเหลือเอาไว้ให้ชม
ถัดจากผาบ่องจะพบ “ช่องเขาขาด” ลักษณะต่างจากผาบ่องคือเป็นช่องเขาหินขาดจากกัน มีทิวทัศน์แม่น้ำโขงและภูเขาแดนลาวเดียวกัน ยามเช้าทะเลหมอกบริเวณนี้จะปกคลุมขุนเขาสูงชันให้เหลือเพียงยอด นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง
จากช่องเขาขาดหากออกแรงเดินบนเส้นทางเดินไหล่เขาไปอีกหน่อยคุณจะพบยอดดอย 103 มีความสูงประมาณ 1,800 ม. นับเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สูงที่สุดของดอยผาตั้ง
หมู่บ้านผาตั้ง
หมู่บ้านผาตั้ง มีชุมชนชาวจีนฮ่ออาศัยกันอยู่มาก หมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการปรุงอาหารจีนยูนนาน โดยเฉพาะขาหมู และชาได้อย่างเลิศรส สำหรับเมนูเด่นก็คือ ขาหมู หมั่นโถว ไก่สามจอก ไก่ดำตุ๋นยาจีน พร้อมทั้งมีไวน์ผลไม้รสเยี่ยมให้คุณชิมและเลือกซื้อกลับบ้านเป็นของฝากด้วย
เลือกที่พักใกล้ตีนภู ไม่ต้องตื่นเช้า
บริเวณบ้านร่มฟ้าไทยและบริเวณผาตั้งมีร้านอาหารให้บริการ นอกจากเมนูตามสั่งทั่วไปแล้ว ยังมีอาหารจีนยูนนาน เช่น ขาหมู หมั่นโถว ไก่สามจอก ไก่ดำตุ๋นยาจีน ให้เลือกชิมด้วย สำหรับที่พักหากเลือกพักภูชี้ฟ้า เขตหมู่บ้านร่มฟ้าทองและบ้านร่มฟ้าไทยมีรีสอร์ตที่พักเยอะ ส่วนใหญ่เป็นที่พักระดับเล็กถึงกลาง ทุกที่พักจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ สำหรับคนที่อยากชมทะเลหมอกที่ผาตั้งบริเวณตีนดอยมีที่พักเหมือนกัน
แม้จะมีที่พักมากแห่ง แต่ถ้าไม่อยากตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อใช้เวลาในการนั่งรถสองแถวที่ทางรีสอร์ตจัดให้ไปยังจุดเดินเท้าตีนภู ควรเลือกที่พักที่อยู่ใกล้ทางเดินขึ้นมากที่สุด นั่นจะทำให้คุณตื่นแค่ตีห้าก็ยังทัน
แต่ถ้าเลือกที่พักไกลทางเดินขึ้นคุณอาจต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เลยนะ
งานปีใหม่ม้ง
หากมีเวลาสำหรับการขับรถเที่ยว ทริปเที่ยวหมู่บ้านชาวเขาก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะขับรถเที่ยวได้ตั้งแต่ก่อนถึงภูชี้ฟ้าไปจนถึงดอยผาตั้ง โดยยึดเอาทางหลวงหมายเลข 1093 เป็นหลัก หมู่บ้านชาวเขาระหว่างเส้นทางจากภูชี้ฟ้าถึงดอยผาตั้งมีหมู่บ้านชาวเขาที่น่าสนใจมากมาย ทั้งบ้านเช็งเม้ง ก่อนถึงภูชี้ฟ้า และหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ชาวม้งและเย้าที่ดอยผาตั้ง และดอยผาหม่น แต่จุดที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือที่บ้านเช็งเม้ง
บ้านเช็งเม้ง
อยู่บนเส้นทางก่อนขึ้นภูชี้ฟ้า จะเป็นช่วงเวลาจัดงานปีใหม่ของชาวม้ง แต่ละคนจะแต่งกายครบเครื่อง มีประเพณีการละเล่นที่สำคัญๆ เช่น การโยนลูกช่วง หรือลูกหินระหว่างหนุ่มสาว เพื่อเป็นการทำความรู้จักมักคุ้น และแสดงความชอบพอ หรือจีบกันนั่นเอง
ใครที่อยากไปร่วมงานชมการละเล่นต่างๆ ต้องมาเที่ยวช่วงงานปีใหม่ม้งที่บ้านเชงเม้ง ที่ภูชี้ฟ้าจะมีชาวเขาเผ่าม้งกว่า 14 หมู่บ้าน การจัดงานปีใหม่จะจัดประมาณ 4 วัน ชาวม้งต่างพร้อมใจกันทุกหมู่บ้านมาร่วมงานปีใหม่ มีกิจกรรมในงานตลอด 4 วัน มีทั้งการแสดงชนเผ่า การแข่งขันกีฬาชนเผ่า กีฬาสากล การประกวดธิดาดอย ส่วนกลางคืนจะมีการชกมวยไทย และสวนสนุกไว้ให้พี่น้องชาวไทยภูเขาเผ่าม้งร่วมสนุก
ประเพณีปีใหม่ม้งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 โดยช่วงเวลาดังกล่าวจะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคม ถึงมกราคม
ชุมชนชาวม้ง เป็นสีสันของภูชี้ฟ้า ที่ถือเป็นเจ้าบ้านตัวจริง ในอดีตภูชี้ฟ้าเป็นสมรภูมิรบระว่างรัฐบาลไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เพื่อแย่งชิงมวลชนและพื้นที่ แต่เมื่อพคท.ล่มสลาย กลุ่มชาวเขาที่เคยเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) เดิมในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงก็เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จนกระทั่งปีพ.ศ. 2532 นายนิพนธ์ ขันธปราบ นายอำเภอเทิง นายสมพร ใจเถิง กำนัน ต.ตับเต่า พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นพากันมาสำรวจพื้นที่ตามคำแนะนำของกลุ่มผู้นำชาวม้ง
ต่อมาได้พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการปรับปรุงเส้นทางให้เป็นเส้นทางเดินเท้า จากนั้นได้นำสื่อมวลชนทั้งของท้องถิ่นและส่วนกลางมาทำข่าว ทั้งสื่อวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชื่นชมและสัมผัสธรรมชาติที่ภูชี้ฟ้า พลันที่ภาพและเรื่องราวความงดงามของที่นี่ปรากฎออกไป ภูชี้ฟ้าก็ได้รับการมาเยือนจากผู้คนอย่างถล่มทลาย
เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีดอกเสี้ยว หรือชงโคป่า ออกดอกสีขาวอมชมพูบานสะพรั่งบริเวณเชิงภูชี้ฟ้า ที่ภูชี้ฟ้าจะมีงาน “ดอกเสี้ยวบาน ณ ภูชี้ฟ้า” จัดทุกวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ของทุกปี ใครมาเที่ยวงานนี้ได้ชมการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น การละเล่น การแข่งขันกีฬาชาวเขา และการประกวดธิดาสายหมอก
นอกจากหมู่บ้านชาวม้งแล้ว ภูชี้ฟ้ายังมีชาวไทยภูเขาอีกกลุ่มที่โดดเด่นคือ ชาวเขาเผ่าอาข่า
ชนเผ่าอาข่า เป็นชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีบรรพบุรุษพื้นเพเดิม อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ในประเทศจีนเรียกว่า “ฮานี หรือ โวน” มีการอพยพมาสองสาย คืออพยพจากประเทศพม่า แคว้นเชียงตุง เข้าสู่ประเทศไทยเนื่องจากเกิดปัญหาทางการเมือง ด้านฝั่งเขต อ.แม่จัน ทางหมู่บ้านพญาไพร (ปัจจุบันเป็นอำเภอแม่ฟ้าหลวง) และเส้นทางที่สอง อพยพโดยตรงจากประเทศจีนโดยเดินทางผ่านบริเวณตะเข็บชายแดนพม่า และแม่น้ำโขงประเทศลาว และเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรงที่อำเภอแม่สาย
อาข่าได้กระจายอยู่ในภาคเหนือ คือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก แพร่ บางส่วนได้อพยพไปอยู่จังหวัดน่าน พิษณุโลก และหลายจังหวัดของประเทศไทย ในประเทศไทยมีชนเผ่าอาข่าอยู่ 8 กลุ่ม
สิ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักชาวเขาเผ่าอาข่าดีก็คือการละเล่น โล้ชิงช้า เป็นประเพณีที่จัดขึ้นช่วงประมาณปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนของทุกปี หลังจากเพาะปลูกข้าวหรือข้าวโพดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชิงช้าที่ทำจะมี 3 ลักษณะ คือ ชิงช้าใหญ่ ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นที่ศูนย์กลางของหมู่บ้าน ส่วนชิงช้าหมุนและชิงช้าขนาดเล็กสร้างไว้หน้าบ้านของแต่ละครอบครัว นอกจากให้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นความเชื่อว่า โล้เพื่อเร่งผลผลิตต่างๆ ที่เพาะปลูกให้เจริญงอกงาม
สำหรับที่ภูชี้ฟ้า ช่วงฤดูหนาว หลายรีสอร์ทมีการนำชาวเขาเผ่าอาข่ามาจัดแสดงการละเล่นโล้ชิงช้า พร้อมกับแต่งตัวใส่ชุดประจำเผ่า เป็นเอกลักษณ์ดูสวยงาม มีสีสัน
จุดชมซากุระ ที่ภูชี้ฟ้า
ในช่วงปลายหนาวระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ทางหลวงหมายเลข 1093 จากภูชี้ฟ้าไปถึงดอยผาตั้ง คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของดอกซากุระไทยหรือนางพญาเสือโคร่ง สีชมพูบานสะพรั่งตลอดสองข้างทางงดงามเหนือบรรยาย นับเป็นหนึ่งในเส้นทางขับรถเที่ยวบนภูเขาที่แสนโรแมนติก และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ภูชี้ฟ้ายังจะได้ชมความงามของดอกเสี้ยวสีขาวบานสะพรั่ง คล้ายต้นชงโค ดอกสีขาว ลำต้นสูง 5–10 ม. ผลัดใบ เรือนยอดกลม ใบเดี่ยวค่อนข้างกลม ปลายและโคนใบเว้า คล้ายใบแฝดติดกัน ใต้ใบมีขน ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายกิ่ง 6–10 ดอก มี 5 กลีบคล้ายดอกกล้วยไม้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งในช่วงที่ออกดอกบานเต็มต้นสลับกับดอกพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งพร้อมกันนั้นนับเป็นภาพที่สวยงามมาก แต่ดอกเสี้ยวจะสามารถออกดอกในช่วงปลายหนาวได้นานกว่าดอกพญาเสือโคร่ง เมื่อดอกเสี้ยวบานเต็มที่ก็เป็นสัญญาณว่าดอกพญาเสือโคร่งใกล้ร่วงโรยแล้ว
จุดชมซากุระ ที่ดอยผาตั้ง
ดอยผาตั้ง ไม่เพียงมีวิวทิวทัศน์ยามเช้า ยามกลางวัน และยามเย็นย่ำที่แสนงดงามเท่านั้น ในช่วงปลายหนาวระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ จะได้ชมความงามของดอกพญาเสือโคร่งที่ออกดอกบานสะพรั่งให้ชมอย่างใกล้ชิด จุดที่พบมากจะอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1093 ช่วงระหว่างภูชี้ฟ้ามาดอยผาตั้ง
อีกจุดที่ชมดอกพญาเสือโคร่งได้เต็มๆ คือบริเวณทางขึ้นผาบ่อง จะพบต้นพญาเสือโคร่งประมาณ 3-4 ต้นเรียงรายออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งตัดกับท้องฟ้าสีครามและขุนเขาฉากหลังงดงามไม่แพ้กัน
หลังจากดอกพญาเสือโคร่งที่ดอยผาตั้งเริ่มร่วงโรยประมาณเดือนกุมภาพันธ์ จะมีเทศกาลดอกเสี้ยวบาน ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของขุนเขาสลับซับซ้อนที่จะเปลี่ยนสีสันเป็นสีขาวทั่วทั้งดอยผาตั้ง ถูกใจคนชอบถ่ายภาพแน่นอน