ดอยแม่อูคอ น้ำตกแม่สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน

Trips แม่ฮ่องสอน

ดอยแม่อูคอ สะพรั่งไปด้วยบัวตองเดิอรพฤศจิกายน

ชมบัวตองหน้าหนาว ชมน้ำตกสูงสุดในไทย

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง 10 ปี ได้มีมิชชันนารีจากคณะนิวไทรบ์มูฟเม้นท์ ในศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแต็นท์ เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเผยแผ่พระกิตติคุณกับชาวลั๊ว ชาวไทยแม่ฮ่องสอนในยุคนั้นเรียกนามมิชชันนารีทั้งสองคนนี้ว่า “น้อยแก้วหนานเป็ง” ทั้งสองมิได้นำเพียงพระกิตติคุณมาสู่ดงดอยแห่งขุนยวมเท่านั้น แต่ได้นำเมล็ดทานตะวันพันธุ์แม็กซิกันมาหว่านบนภูเขาอันโล่งโล้นสีน้ำตาล ให้กลายเป็นภูเขาสีเหลืองสะพรั่งไปด้วยดอกทานตะวันที่ออกดอกสวยที่สุดพร้อมกับการมาถึงของฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน

ความงดงามนี้ทำให้ขุนยวม ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมาตลอดหลายสิบปีเพื่อชื่นชมทุ่งดอกบัวตองที่อลังการ์ไปบนภูเขาหลายลูกเนื้อที่นับพันไร่

และความที่อยู่ใกล้กับอ.เมืองแม่ฮ่องสอน จึงจัดทริปเที่ยวง่าย และยังไปเที่ยวน้ำตกแม่สุรินทร์ ที่อยู่ห่างดอยแม่อูคอไปเพียงเล็กน้อยได้ด้วย

พฤศจิกา คือช่วงเวลาที่บัวตองสวยสุด

ดอยแม่อูคอ

Location : บ้านแม่อูคอ ต.แม่อูคอ ห่างจากตัวอ.ขุนยวม 27 กม.

วิธีแรก นั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่มาลงที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อจะเที่ยวตัวเมืองแล้วต่อด้วยไปชมทุ่งดอกบัวตอง จะเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุดกว่านั่งรถ หรือขับรถมาเองจากเชียงใหม่ และใช้เวลาน้อยกว่า โดยอาจจะเหมารถจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมาเที่ยว หรือเช่ารถขับ ทุ่งดอกบัวตองห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 60 กม.

วิธีที่สอง ขับรถมาทางอ.ปาย ผ่านอ.ปางมะผ้า เข้าสู่อ.เมืองแม่ฮ่องสอนนั้น ระยะทาง 305 กม.

วิธีที่สาม ใช้เส้นทางเข้าสู่จ.แม่ฮ่องสอนทางทิศใต้ ออกจากอ.ฮอด จ.เชียงใหม่ จะผ่านอ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย เข้าสู่อ.ขุนยวม ระยะทาง 289 กม. ทั้งสองเส้นทางเหมาะสำหรับคนที่มีเวลามากสักหน่อย

วิธีที่สี่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1263 จากบ้านแม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตัดเข้ามายังอ.ขุนยวมเลย ระยะทางเพียง 92 กม. จากตัวเมืองแม่แจ่ม ประหยัดเวลากว่าใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ตั้งมาก เส้นทางนี้ยังจัดเที่ยวต่อเนื่องขึ้นดอยอินทนนท์ทางอ.แม่แจ่มได้เสียด้วย

เส้นทางสู่ดอยแม่อูคอ เหลืองไปหมด

จะเลือกมาอ.ขุนยวมอย่างไรก็ตาม ต้องมาให้ถูกเวลาด้วย เพราะถ้ามาเกินเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม บัวตองก็จะเหี่ยวเฉาไปตามสายลมหนาวเสียแล้ว ดังนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน รถยนต์จากเมืองกรุงต่างขึ้นไปแออัดกันอยู่บนดอยอย่างสนุกสนาน ถึงจะเบียดๆ กันบ้างแต่ไม่อึดอัด เพราะอากาศหนาวจับใจ

ก่อนหน้าที่จะมีทุ่งบัวตอง ดอยบริเวณนี้เป็นภูเขาหัวโล้นจากการทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขา แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าภูเขาหัวโล้นเหน่งที่อ.ขุนยวมก็มีโอกาสต้อนรับเมล็ดดอกไม้จากการหว่านของฝรั่งซึ่งเดินทางมาเป็นมิชชันนารีเพื่อนำพระพรสู่คนเหนือ เขาได้ปลูกความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าไปพร้อมๆ กับการหว่านดอกบัวตอง ทั้งสองเติบโตได้อย่างงดงาม นอกจากความเจริญของคริสตจักรลั๊วแล้ว ที่ภาคเหนือก็เกิดคริสตชนขึ้นมากมาย และที่ภูเขาหัวโล้นก็กลายเป็นทุ่งดอกทานตะวันอันสวยงาม จนคนทั้งประเทศปรารถนาที่จะมาชมให้ได้กับตาตัวเองสักครั้ง

กินมันแก้หนาว

บัวตองที่มิชชันนารีนำติดตัวมานี้เป็นไม้พื้นเมืองของอเมริกากลางและหมู่เกาะเวสต์ อินดีส ลักษณะคล้ายกับทานตะวัน และดาวเรือง กลีบดอกบัวตองสีเหลืองสดใส ตัดกับท้องฟ้าฤดูหนาวสีน้ำเงิน อากาศเย็นสบาย สวยสุดพฤศจิกายน พอย่างเข้าธันวาคมก็เริ่มโรย และกว่าจะบานใหม่ก็ต้องใช้เวลาไปถึงพฤศจิกายนปีหน้าโน่น บัวตองทุ่งใหญ่นี้งดงามมากว่า 70 ปีแล้ว

ดอยแม่อูคอในปัจจุบันได้รับการจัดตั้งเป็นวนอุทยานแห่งชาติทุ่งบัวตอง มีพื้นที่มากถึง 4,437 ไร่ และความที่พื้นที่อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จึงอยู่ในความดูแลของอุทยานฯนี้ 

จุดชมทุ่งบัวตองมีหลายมุม บริเวณตีนดอยเขาทำศาลาไม้ไว้ มองเห็นทุ่งบัวตองที่ไล่ระดับสูงขึ้นไปจนถึงยอดดอย สวยและยิ่งใหญ่มาก หากขึ้นไปบนสุดบริเวณศาลารับเสด็จ แล้วมองลงมาก็จะเห็นทุ่งบัวตองอันกว้างใหญ่ สีเหลืองสด ท่ามกลางทะเลภูเขาอันสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย

ดอยแม่อูคอในวันต้นฤดูหนาว

อุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงดอยแม่อูคอแล้ว ควรจะนอนสัมผัสบรรยากาศสักคืน ติดต่อเต็นท์ให้เช่าจากทางอบต. เขาจัดไว้ให้พร้อมเครื่องนอน หรือจะนำติดรถไปเองก็ดีจะได้ไม่ต้องใช้ของร่วมกับคนอื่น ส่วนร้านอาหารนั้นไม่ต้องห่วง มีร้านอาหารเฉพาะกิจที่ให้บริการตีนดอยแม่อูคอ บริเวณทางเข้าหลายร้าน กินง่ายๆ แบบกันเอง ห้องน้ำ ห้องสุขา อาจจะมีคนเยอะสักหน่อย

ใครที่ชมทุ่งบัวตองแล้ว อยากได้ของแถมเป็นรายการชมน้ำตกแม่อูคอ ก่อนถึงทุ่งบัวตองมีทางแยกซ้ายไป 3 กม. ไปชมน้ำตกสูงประมาณ 30 ม.เดินไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังได้ถ่ายภาพดอกบัวตองกันอีกรอบแล้ว คราวนี้เดินทางต่อไปอีกนิดเดียวเพื่อไปเที่ยวน้ำตกแม่สุรินทร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นที่เที่ยวเด่นสุดอีกแห่ง และอยู่ใกล้กับทุ่งดอกบัวตองมากที่สุดเช่นกั

น้ำตกแม่สุรินทร์ มองจากด้านบน

น้ำตกแม่สุรินทร์

Location : บ้านแม่สุรินทร์ ต.แม่ยวมน้อย ห่างจากตัวเมืองขุนยวม 40 กม.

ขับรถไปตามถนนรพช. (แม่อูคอ-บ้านหัวฮะ) เพียง 11 กม. ขับรถเปิดกระจกรับอากาศเย็นๆ ไปเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว จากลานจอดรถเดินไปชมน้ำตกได้เลย

น้ำตกแม่สุรินทร์ มีรูปร่างที่สูงชลูด ตกลงมาตามร่องเขาสูง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่ทิ้งตัวลงเป็นชั้นเดียวที่สูงที่สุดในประเทศ ข้อดีก็คือจุดชมน้ำตกนั้นอยู่บนยอดดอย จึงมองเห็นตัวน้ำตกได้เต็มๆ ตา ความสูงกว่า 100 ม. สมัยก่อนจุดชมน้ำตกอยู่บนยอดน้ำตกบริเวณศาลาแห่งนี้เท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเปิดเส้นทางเดินลงข้างล่าง ระยะทาง 3 กม.ทางทิ้งดิ่งอย่างเดียว ขาลงไม่เท่าไหร่ ขาขึ้นนี่สิ แต่ก็คุ้มค่าเพราะคุณจะได้ไปเงยหน้ามองน้ำตกที่สูงเสมือนตกลงมาจากฟากฟ้า ด้านล่างชอุ่มด้วยมอส เฟิน อย่างไรก็ดีต้องขอเจ้าหน้าที่สำหรับนำทางด้วย บางปีจะไม่อนุญาตให้ลงไป อันนี้แล้วแต่โชค

บริเวณน้ำตกยังมีบ้านพักอุทยานฯ ให้บริการ หน้าหนาวมักจะถูกจองจนเต็ม โดยเฉพาะเดือนธันวาคม สำหรับคนที่ไม่อยากนอนเต็นท์ที่ดอยแม่อูคอ มาเลยๆ จองบ้านพักที่อุทยานฯ แล้วค่อยขับรถไปเที่ยวทุ่งบัวตองก็ได้ เพราะอยู่ห่างกันแค่ 11 กม.เท่านั้น

น้ำตกแม่สุรินทร์มุมล่าง เดินเหนื่อยหน่อย

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก กินพื้นที่ไปถึงอ.เมืองแม่ฮ่องสอน แต่ที่อ.ขุนยวมนี้ มีน้ำตกแม่สุรินทร์ที่เด่นที่สุด หากคุณอยากเที่ยวอุทยานฯนี้ให้ทั่ว ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ อีก เช่น ไปเดินป่าขึ้นดอยปุยหลวง ที่อ.เมือง ไปแค้มปิ้งบนยอดเขาสักคืน ติดต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนที่ทำการอุทยานฯ นั้นอยู่ที่อ.เมืองเช่นกัน 

ห่างจากน้ำตกแม่สุรินทร์ 90 กม. ในเขตอ.เมืองแม่ฮ่องสอน ไปกางเต็นท์พักแรมริมแม่น้ำปายได้ มีกิจกรรมล่องแก่งด้วยเรือยางสนุกๆ ติดต่อที่ทำการอุทยานฯได้เลย

หรือหากจุใจที่ดอยแม่อูคอ และน้ำตกแม่สุรินทร์แล้ว อยากกลับเชียงใหม่ ก็ใช้ทางหลวงหมายเลข 1263 ตัดเข้าสู่อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ได้เลย ไม่ต้องไปอ้อมไกล

บ้านพักอุทยานฯน้ำตกแม่สุรินทร์

ที่เที่ยวทั่วไปในอำเภอขุนยวม

ก่อนจะจากอำเภอนี้ไปหลังจากชมทุ่งบัวตองแล้ว หรือหากคุณมาในช่วงที่ไม่มีดอกบัวตองแล้ว ขุนยวมก็ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจให้คุณไปชม เป็นรายการขับรถเที่ยวสบายๆ

รองเท้านารี

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์

Location : บ้านกะโน ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม

จากทุ่งบัวตองไปทางน้ำตกแม่สุรินทร์ ลงดอยไป 1 กม. ถึงทางแยกเลี้ยวขวาไป 1.5 กม. ถึงศูนย์ฯ

เมื่อปี พ.ศ. 2537 กองทัพภาคที่ 3 และคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารี จุดประสงค์เพื่อเพาะเลี้ยงอนุรักษ์ไว้ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 กล้วยไม้ชนิดนี้มีความสวยงาม รูปร่างเหมือนรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง จึงได้ชื่อว่ารองเท้านารี ปกติแล้วหาดูได้ยากเพราะอยู่ในป่าลึก และมีน้อย จึงไม่น่าพลาดที่จะไปชมได้อย่างง่ายๆ ที่แปลงเพาะเลี้ยง ช่วงที่มีดอกอยู่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มกราคม ดอกสีเหลืองสดใสมาก

น้ำตกแม่ยวมหลวง

น้ำตกแม่ยวมหลวง

Location : บ้านแม่อูคอ ต.ขุนยวม ริมถนนรพช. แม่อูคอ-บ้านหัวฮะ

จากตัวเมืองขุนยวม ใช้ทางหลวงหมายเลข 1263 ไปทางทุ่งดอกบัวตอง 

น้ำตกนี้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว เพราะมีขนาดเล็ก ต้องเดินเท้าประมาณ 500 ม. อยู่ท่ามกลางป่าไผ่ น้ำตกนี้จะไหลไปลงแม่น้ำยวมต่อไป

วัดม่วยต่อ

วัดม่วยต่อ

Location : ตัวเมืองขุนยวม

จากตัวเมืองขุนยวม ไปทางอ.แม่สะเรียง ใกล้กับโรงพยาบาลขุนยวม

ตรงข้ามกับศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นอ.ขุนยวม ไปดูเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ ส่วนจองนั้นแม้จะสร้างขึ้นใหม่เมื่อพ.ศ. 2527 แต่สวยงาม หลังจากเที่ยววัดแล้วข้ามไปฝั่งตรงข้ามจะถึงศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นอ.ขุนยวม

ไปชมนิทรรศการที่จัดแสดงเหตุการณ์ทหารญี่ปุ่นบุกไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้ชม ใครชอบประวัติศาสตร์มาที่นี่สนุกแน่

วัดต่อแพ

วัดต่อแพ

Location : ริมแม่น้ำยวม บ้านต่อแพ ต.แม่เงา

จากตัวเมืองขุนยวม ไปตามถนนรพช. (ขุนยวม-บ้านแม่สุรินทร์) มุ่งหน้าไปบ้านต่อแพ ห่างจากตัวเมืองขุนยวม 5 กม.

ไปชมเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ และวิหารแบบไทยใหญ่ ส่วนศาลาการเปรียญ ชมสถาปัตยกรรมพม่าผสมไทยใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง และพลาดไม่ได้ต้องชมผ้าม่านโบราณที่ชาวพม่านำมามอบให้กับวัด อายุกว่าร้อยปี ศิลปะแบบพม่า

ศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นอ.ขุนยวม