ดอยตุง เชียงราย

Trips เชียงราย

ดอยตุง ดอกไม้งามตามฤดู เที่ยวได้ทั้งปี

เยี่ยมบ้านสมเด็จย่าของชาวไทย

ดอยตุง เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศเย็นสบายทุกฤดู แถมมีดอกไม้ออกดอกหมุนเวียนไม่ซ้ำกัน แต่ถ้าคุณมาเที่ยวดอยตุงช่วงปลายฤดูหนาว คุณจะได้ชมกุหลาบพันปีที่บานเต็มที่ในช่วงนี้ และยังเป็นช่วงที่อากาศสดใสสามารถชมวิวที่จุดส่องวิวสามแคว้น ที่เห็นทั้งไทย ลาว พม่า ได้อย่างสวยงามด้วย

Location จากตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปทางอ.แม่สาย ผ่านอ.แม่จัน ก่อนถึงอ.แม่สายระหว่างกม.ที่ 870-871 (บ้านสันกอง) มีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1149 (สายใหม่) ระยะทาง  17 กม. ถึงดอยตุง ส่วนใครที่ไม่ได้ขับรถมาเอง จะไปเที่ยวดอยตุง ให้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งท่องเที่ยวดอยตุง 1 คัน นั่งได้  12 คน

ด้านหน้าทางเข้าพระตำหนัก มีธง หรือตุงโบกสบัด

ดอยตุง อยู่ในพื้นที่อ.แม่ฟ้าหลวง เป็นยอดเขาสูงนับเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขานางนอน มีผืนป่าธรรมชาติประมาณ 93,515 ไร่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,630 ม. บริเวณโดยรอบจึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี หลายคนที่ได้มาเยือนกล่าวชมว่าดอยตุงมีบรรยากาศคล้ายประเทศในแถบยุโรปเลยทีเดียว จากภูเขาหัวโล้นปลูกไร่ฝิ่น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงแปรเปลี่ยนด้วยโครงการพัฒนาดอยตุง จนกระทั่งดอยตุงฟื้นฟูเป็นดอยที่มีสวนไม้ประดับเมืองหนาวที่สวยที่สุดของเชียงราย ดอยตุงจึงเป็นดินแดนแห่งการอนุรักษ์ผืนป่าและอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยอีกด้วย

พระตำหนักดอยตุง

ดอยตุง ใช้เวลาเที่ยวแบบเต็มวันก็ครบ มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นอยู่ 3 แห่ง แห่งแรกคือ พระตำหนักดอยตุง ที่แปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เริ่มก่อสร้างเมื่อ 26  ธันวาคม พ.ศ. 2530 เมื่อครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 88 พรรษา 

ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมเรือนไม้ 2 ชั้นบนเนิน ผสมผสานระหว่างบ้านปีกไม้ศิลปะแบบล้านนากับบ้านทรงสวิสชาเล่ต์ จากระเบียงบ้านยังมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม ภายในพระตำหนักเปิดให้เข้าชมได้บางส่วน โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ใช้เวลารอบหนึ่งประมาณ 15-20 นาที ส่วนกลางของพระตำหนักเป็นที่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ให้ผู้มาเที่ยวชมได้ชื่นชมความงามและสักการะ ไปแล้วต่างก็คิดถึงสมเด็จย่า

สวนแม่ฟ้าหลวง ดอกไม้สวยทั้งปี

บริเวณด้านหน้ายังเป็นที่ตั้งของ สวนแม่ฟ้าหลวง สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 สวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว ที่งดงามละลานตาจากทุกมุมโลกกว่า 70 ชนิด กลางสวนมีประติมากรรมรูปเด็กน้อยยืนต่อตัว ซึ่งสมเด็จย่าพระราชทานนามให้ว่า “ความต่อเนื่อง” หมายความว่าการจะทำอะไรต้องมีความต่อเนื่อง หากเดินเที่ยวชมจนเหนื่อย ที่นี่ก็มีมุมนั่งเล่นและร้านกาแฟให้คุณนั่งจิบดับกระหาย และสดชื่นด้วยกลิ่นหอม และรสชาติที่แสนละมุนจากกาแฟบนดอยตุงนี่เอง

อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ หอพระราชประวัติ เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า แบ่งเป็น 8 ห้อง แต่ละห้องเล่าถึงประวัติต่างๆ ของสมเด็จย่า  

วัดพระธาตุดอยตุง

ที่เที่ยวแห่งที่สองคือ พระธาตุดอยตุง สร้างเมื่อ พ.ศ. 1454 สมัยพระเจ้าอุชุตราชครองนครโยนกนาคพันธุ์ ตั้งอยู่บนที่สูง 1,415 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตามตำนานพระพุทธธาตุแห่งนี้ เป็นเจดีย์แรกของล้านนา ภายในบรรจุกระดูกไหปลาร้าของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย และได้ปักตุงยาวถึง 1,000 วา เพื่อบูชา กล่าวกันว่า ปลายของตุง (ธง) นี้ไปถึงที่ใดแสดงว่า ณ ที่นั่นก็คือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์  ต่อมาเมื่อพญามังรายได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาอีก 50 องค์ พระองค์ทรงปักธงตะขาบหรือตุงไว้บนยอดเพื่อแสดงถึงดินแดนของพระพุทธศาสนา จึงเป็นที่มาของชื่อดอยตุงจนกระทั่งปัจจุบัน

เจดีย์สีทองคู่ ชมวิวได้ด้วย

ในปี พ.ศ. 2470 ได้บูรณะพระธาตุดอยตุงขึ้นใหม่ โดยทำเป็นเจดีย์ระฆังเล็กสององค์บนฐานแปดเหลี่ยม ศิลปะล้านนา จากนั้นปี พ.ศ. 2516 กระทรวงมหาดไทยได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ขึ้นครอบพระเจดีย์ไว้ ก็คือเจดีย์สีทองสุกใสสูง 5 เมตรในปัจจุบันนี้เอง ด้านหลังของพระธาตุ ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม นับเป็นพระธาตุที่ชาวไทย พม่า และลาว เคารพสักการะบูชา 

สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง

ที่เที่ยวแห่งที่สามคือ สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ใช้ทางเดียวกับการไปพระธาตุดอยตุง มีทางแยกใกล้กับเส้นที่แยกไปอ.แม่สาย เที่ยวที่นี่เสร็จจึงลงดอยไปเที่ยวอ.แม่สายต่อได้ ไม่ต้องย้อนกลับทางเดิม ที่สวนแห่งนี้นับเป็นจุดสูงสุดของดอยตุงที่ความสูง 1,520 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เดิมทีพื้นที่ดอยช้างมูบแห่งนี้ เคยถูกแผ้วถางเพื่อทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝิ่นโดยชาวเขามานานหลายปี จนกระทั่งสมเด็จย่าเริ่มการฟื้นฟู เมื่อพ.ศ. 2535 โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้สร้างสวนรุกขชาติพื้นที่ 250 ไร่ บนดอยช้างมูบ พรรณไม้นานาชนิดร่มรื่นสวยงาม และยังเน้นการปลูกไม้ท้องถิ่นหลายชนิดเพื่ออนุรักษ์ไว้

กุหลาบพันปี แดงสดสุดสวยในหน้าหนาว

ภายในมีเส้นทางเดินชมพรรณไม้ชนิดต่างๆ ทั้ง ดงเฟิน กล้วยไม้ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ กุหลาบพันปี สีแดงสดที่จะบานเต็มที่ในช่วงปลายหนาวไปจนถึงต้นฤดูร้อน ใกล้ๆ กันยังมีธารน้ำเล็กๆ เรียกว่า จุดส่องสามแคว้น 

สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง

ด้านหน้ามองเห็นดอยแม่สลองและเขตแดนพม่า มองกลับหลังหันจะมองเห็นวิวของลาวได้ด้วย และยังมีสวนหินรูปร่างแปลกตาให้ชื่นชมอีกด้วย       

ดอยตุงไม่ได้มีเพียงแค่ดอกไม้สวยงามและพระธาตุดอยตุงให้ชื่นชมสักการะเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ อีกด้วย เช่น อาข่า ลาหู่ ไทยใหญ่ และชาวจีนฮ่อ ซึ่งคุณสามารถซื้อสินค้าและเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณีของชนเผ่าต่างๆ ได้แบบใกล้ชิด

กุหลาบพันปี สวยมิอาจซ่อนสายตา

ดอยตุงใช้เวลาเที่ยว 1 วันก็ครบ จากนั้นคุณสามารถจัดทริปไปเที่ยวแม่สาย และดอยแม่สลองได้อีกด้วย โดยเส้นทางหลวงหมายเลข 1149 (สายใหม่) ที่ใช้ไปเที่ยวดอยตุงนั้น ยังเชื่อมไปเที่ยวดอยแม่สลองต่อได้ โดยแยกไปใช้ทางหลวงหมายเลข 1338 ผ่านที่ว่าการอ.แม่ฟ้าหลวง มุ่งหน้าไปดอยแม่สลอง หรือจะเลือกไปเที่ยวซื้อสินค้าเลียนแบบเกรดเอ และของกินราคาประหยัดที่ด่านชายแดนไทย-พม่าที่ แม่สายก็ได้ โดยแยกไปใช้ทางหลวงหมายเลข 1290 (แม่สาย-สามเหลี่ยมทองคำ ระหว่างกม.ที่ 888-889)  

หากอยากสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าและพระอาทิตย์ตกยามเย็น ที่ดอยตุงก็มีบ้านพักและลานกางเต็นท์ของโครงการพัฒนาดอยตุง และรีสอร์ตสวยของเอกชนให้บริการ

มาดอยตุงต้องดื่มกาแฟดอยตุง ร้อนแก้ว เย็นแก้ว