พิชิตหลังคาของอำเภอสะเมิง
ดอยม่อนอังเกตุ ชื่ออาจไม่คุ้นหูเหมือนดอยอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ แต่สำหรับนักท่องไพรเหล่าขาลุยรู้จักกันดี ด้วยเส้นทางการผจญภัย เพื่อขึ้นไปสู่จุดชมวิวกว้าง 360 องศา บนความสูง 1,840 ม.จากระดับน้ำทะเล ที่คุณจะสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และวิวทะเลหมอกได้อย่างตื่นตาตื่นใจภายในที่เดียว จะต่างกันก็เพียงแค่ช่วงเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ป่าสนให้นอนกางเต็นท์ตั้งแค้มป์เพื่อชมดาวบนดินในตอนกลางคืนอีกด้วย
Location ดอยสูงม่อนอังเกตุ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านปางขุม ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม อ.สะเมิง
จากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ไปทางแม่ริม จนถึงแยกแม่มาลัย-ปาย ให้แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1095 ไปจนถึงองค์การบริหารส่วนต.ป่าแป๋ ให้เลี้ยวเข้าซอยด้านข้าง (เริ่มแรกทางปูนแล้วช่วงหลังเป็นทางลูกรัง) ไปทางบ้านกิ่วถ้วย ผ่านปางมะโอ แล้วต่อไปยังบ้านปางขุม ขับไปจนสุดหมู่บ้านให้แยกขวาเพื่อขึ้นไปยังดอยม่อนอังเกตุ
ใครที่กำลังมองหาสถานที่ชมวิวธรรมชาติสวยๆ พร้อมกับได้รับลมหนาวไปด้วย ดอยม่อนอังเกตุคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เหมือนกับคนที่รักการผจญภัยหลงใหลการขับรถแบบวิบาก ดอยม่อนอังเกตุก็เป็นสถานที่เที่ยวแหล่งใหม่ที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ความสวยและความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้สร้างความประทับใจและความทรงจำดีๆ ให้กับคนที่มาเยือนไปไม่น้อยแล้ว
Day1
การออกเดินทางเพื่อมายังดอยม่อนอังเกตุควรเริ่มต้นเดินทางตั้งแต่ในช่วงเช้า เนื่องจากการขึ้นดอยม่อนอังเกตุจะต้องผ่านเส้นทางอันสลับซับซ้อนและผ่านหมู่บ้านชาวเขา ทั้งหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและชาวเขาเผ่าลีซอ เพื่อไปยังเส้นทางที่จะขึ้นสู่ยอดดอยม่อนอังเกตุซึ่งเป็นทางลูกรังขึ้นเขา
เพราะฉะนั้นรถที่เหมาะกับสภาพถนนก็ควรจะเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือรถมอเตอร์ไซค์วิบากที่ชาวขาลุยชอบใช้ในการผจญภัยกันเป็นหมู่คณะ และเมื่อเดินทางมาถึงยังหน่วยจัดการต้นน้ำม่อนอังเกตุในช่วงบ่าย ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบหน่วยจัดการต้นน้ำและวิวโดยรอบที่มีทั้งวิวธรรมชาติและวิวเมืองเบื้องล่าง นอกจากจะเป็นสถานที่ชมวิวได้แล้วหน่วยจัดการต้นน้ำยังมีป่าสนที่เป็นลานกางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วย หรือจะขึ้นไปกางเต็นท์บนยอดดอยม่อนอังเกตุก็สามารถทำได้เช่นกัน
บริเวณยอดดอยมีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก ใครที่จะมากางเต็นท์จึงมีที่ค่อนข้างจำกัด ถ้ามาในช่วงเทศกาลที่มีคนมากอาจจะต้องแบ่งพื้นที่ในการกางเต็นท์กัน หรือกลับลงไปกางเต็นท์นอนที่ป่าสนแทน แต่เหนือสิ่งอื่นใดทิวทัศน์ที่มองเห็นได้จากบนยอดดอยแห่งนี้ก็ยังคงตรึงสายตานักท่องเที่ยวไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยวิวที่สามารถมองได้ถึง 360 องศา และยังเห็นได้ไกลจนถึงยอดดอยอินทนนท์เลยด้วย
เมื่อตะวันจะลาลับขอบฟ้าม่อนอังเกตุก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีท้องฟ้ายามเย็นสวยที่สุดอีกที่หนึ่ง หากคุณตัดสินใจนอนพักที่ป่าสนหลังอาทิตย์ตกดินไปแล้วคุณจะเห็นทัศนียภาพของเมืองและหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยแสงไฟส่องระยิบอยู่ไกลๆ คล้ายกลุ่มดวงดาวที่แต้มอยู่บนดิน
Day2
ในเช้าวันที่สอง ถ้าคุณไม่ได้เลือกนอนบนยอดดอย แต่กลับลงมานอนที่ป่าสนก็ควรรีบตื่นแต่เช้ามืดแล้วเตรียมไฟฉายและเครื่องกันหนาวให้เรียบร้อย เพราะต้องเดินจากป่าสนไปยังยอดดอยเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น และเนื่องจากบนยอดดอยม่อนอังเกตุยามเช้ามีลักษณะอากาศที่หนาวเย็น จึงควรแน่ใจว่าร่างกายอบอุ่นดีพอแล้วในการรอต้อนรับพระอาทิตย์ของวันใหม่
หลังจากทักทายและถ่ายภาพพระอาทิตย์กันจนพอใจ ทะเลหมอกท่ามกลางทิวสนจะเป็นสิ่งต่อมาที่ช่างภาพทั้งมือโปรและมือสมัครเล่นทั้งหลายไม่ควรพลาดถ่ายภาพเก็บเอาไว้ นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่บนยอดดอยม่อนอังเกตุยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้วย
หากขาลุยคนไหนที่กำลังมองหาเส้นทางขับรถท่องเที่ยวใหม่ๆ หลีกหนีความวุ่นวายในเส้นทางยอดนิยมอื่นๆ แล้วล่ะก็ ดอยม่อนอังเกตุน่าจะเป็นจุดหมายใหม่ที่เป็นคำตอบของคุณ
เนื่องจากบนม่อนอังเกตุไม่มีทั้งร้านค้า และร้านอาหาร นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวบนดอยจึงควรเตรียมเสบียงอาหารให้พร้อมตั้งแต่ข้างล่างก่อนจะขึ้นไป เพื่อให้พร้อมรับประทานหรือเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมเพื่อใช้ประกอบอาหารเองบนดอย ซึ่งสามารถสร้างความสนุกสนานและเป็นการคลายหนาวให้กับชาวหมู่คณะไปอีกแบบได้เช่นกัน
ใครที่ต้องการพักแบบนอนเต็นท์ควรเตรียมเต็นท์ อุปกรณ์ และเครื่องกันหนาวไปเองให้พร้อม โดยที่กางเต็นท์บริเวณป่าสนจะมีบริการห้องน้ำให้นักท่องเที่ยว แต่บริเวณจุดกางเต็นท์บนยอดดอยจะเป็นเพียงลานกางเต็นท์โล่งๆ ที่ไม่มีห้องน้ำให้บริการ
เนื่องจากจุดกางเต็นท์บริเวณยอดดอยม่อนอังเกตุอยู่บนที่สูง ไม่มีสิ่งกีดกั้น ลมจึงแรงมากทำให้มีนักท่องเที่ยวบางคนเลือกกางเต็นท์ในจุดที่เป็นป่าสน ซึ่งมีต้นไม้ไว้กันลมได้ดีกว่า รวมทั้งมีความสะดวกในเรื่องการใช้ห้องน้ำมากกว่า