อุ้มผาง ตาก

Trips ตาก

น้ำตกสายรุ้ง รางวัลของการมาล่องเรือยาง

ดินแดนแห่งการผจญภัย น้ำตกใหญ่และสวยสุดในประเทศ ล่องเรือยางธรรมชาติสวยที่สุดในไทย

แม้จะเป็นอำเภอที่อยู่ไกลสุดของประเทศ แต่ อ.อุ้มผาง เป็นเจ้าของน้ำตกที่ใหญ่และสวยที่สุด ยังมีเส้นทางล่องเรือยางผจญภัยที่สนุกที่สุด อีกด้วย และยังมีความเป็นที่สุดให้ค้นหาอีกหลายอย่าง จึงไม่ใช่เรืองแปลกที่ทุกคนต่างยินดีเดินทางผ่านถนนลอยฟ้าไปยังดินแดนธรรมชาติพิสุทธิ์แห่งนี้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าธรรมชาติดั้งเดิม ณ ผืนป่าตะวันตก เหลือไม่กี่แห่งแล้วในประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือที่นี่…อุ้มผาง

สองแถวจากแม่สอดสู่อุ้มผาง

Location อ.อุ้มผาง จ.ตาก

ใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 จาก อ.แม่สอด ผ่าน อ.พบพระ และถึงจะเข้าสู่ อ.อุ้มผาง ระยะทาง 164 กม. คดโค้งขึ้นเขาไปอย่างน้อย 4 ชม. ถนนเส้นนี้ทางการได้ทำการก่อสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อ อ.แม่สอด และ อ.อุ้มผางในปีพ.ศ. 2526 โดยสร้างลัดเลาะตัดผ่านภูเขาหลายลูกจึงใช้เวลาในการสร้างถึง 10 ปี และด้วยลักษณะของเส้นทางที่ตั้งอยู่บนขุนเขา จึงมีชื่อว่าถนนลอยฟ้า    

ถนนลอยฟ้าสู่อุ้มผาง 164 กม.ขับกัน 4 ชม.ขึ้นไป

ทางหลวงหมายเลข 1090 ในช่วงแรกจะเริ่มต้นจากอ.แม่สอด ตั้งแต่กม.ที่ 1-45 ยังเป็นถนนลาดยางทางราบธรรมดา โค้งยังมีไม่มากนัก มีที่เที่ยวเด่นให้แวะเที่ยวคือ น้ำตกพาเจริญ กม.ที่ 37-38 ค่อยมาดูขากลับดีกว่า เพราะหนทางข้างหน้ายังอีกไกล

มีห้องพักรายวันเตียงคู่ 500 เตียงเดียว ห้องสามเตียง 600 บ้านหลังใหญ่ 4 ห้องครอบครัวบ้านเดียว 1 ห้อง 500

เพราะหลังจากเข้าสู่ กม.ที่ 45 จะเริ่มเป็นเส้นทางขึ้นเขาสูง และเริ่มมีโค้งเยอะกันแล้ว ช่วงนี้แทบไม่มีทางตรงให้พักมือกันจนถึงจุดแวะพักรถกม.ที่ 85 เป็นจุดแวะพักรถพักคน (อ้วก) เพียงแห่งเดียวบนถนนลอยฟ้า มีห้องน้ำ ร้านกาแฟ และร้านขายของให้บริการอยู่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามยังเป็นหมู่บ้านม้ง และศูนย์อพยพของชาวกะเหรี่ยง

กม.ที่ 90-164 เส้นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไปมา เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อนหลายลูก และวิวไร่สวนของชาวกะเหรี่ยง ช่วงสุดท้ายจะเป็นเส้นทางลงเขารวดเดียวถึงเขตตัวเมืองอุ้มผาง

กว่าจะถึงอุ้มผางก็เย็นย่ำใครจองที่พักไหนก็ไปตามกูเกิลแมบเข้าเช็คอินกันโล้ดด เดินทางมาทั้งวัน พรุ่งนี้เริ่มเที่ยวแต่เช้า 

โฆษณา ภูดอยแค้มป์ไซท์

ฤดูฝน พิชิตน้ำตกปิตุ๊โกร

ฤดูหนาว เที่ยวน้ำตกทีลอซู น้ำตกทีลอเล และเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยง

จุดหมายแรกของคนมาเที่ยวอุ้มผางแน่นอนต้องเป็นการได้มาชม น้ำตกทีลอซู มหานทีอันยิ่งใหญ่ของอุ้มผาง น้ำตกแห่งนี้เที่ยวสนุกทั้งนั่งรถ และล่องเรือยางจากตัวเมืองอุ้มผาง จากนั้นเดินเท้าอีก 1.8 กม. บนทางราบพอได้เหงื่อก็ได้ชมกันแล้ว สุดยอดน้ำตกที่ใหญ่ และสวยที่สุดของประเทศไทย  

1 ขับรถถึงน้ำตก

ในอดีตถนนหนทางสู่น้ำตกจากอุ้มผางเป็นเพียงเส้นทางดินลูกรังแคบชัน ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไป ใช้เวลานั่งรถโยกเยกกันอีกกว่าครึ่งวันกว่าจะถึง ต้องนำเต็นท์ อาหาร และน้ำดื่มเข้าไปด้วย เพราะต้องค้างแรมกัน 1 คืน เช้ารุ่งขึ้นค่อยนั่งรถกลับตัวเมืองอุ้มผาง ส่วนเส้นทางล่องเรือยางจากตัวเมืองมาน้ำตกทีลอซูลำบากยิ่งกว่า เพราะต้องล่องเรือตามลำน้ำแม่กลองมายังท่าทราย จากนั้นต้องเดินเท้าแบกสัมภาระต่างๆ ไปน้ำตกอีกกว่า 10 กม.

จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2532 ทางการได้มีการตัดถนนจากตัวเมืองอุ้มผางสู่น้ำตกทีลอซู โดยมีระยะทาง 40 กม. ถึงจุดจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 1.5 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้      

ปัจจุบันการขับรถเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกทีลอซูก็ยังคงต้องอาศัยรถกะบะ หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ วิธีที่ดีที่สุดก็คือซื้อแพกเกจทัวร์นำเที่ยวจากเหล่าผู้ประกอบการในตัวเมืองอุ้มผางทั้งหลาย

น้ำตกทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า น้ำตกดำ มีขนาดใหญ่ที่ไหลตกมาจากกำแพงหน้าผาหินปูนที่กว้างถึง 400 ม. มีความสูงถึง 200 ม. มี 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเดินเข้าไปใกล้ๆ ได้มีแอ่งน้ำให้เล่นหลายแอ่ง ส่วนชั้น 2 หากไม่มีน้ำมากก็เดินขึ้นไปได้เช่นกัน สำหรับชั้นที่ 3 ไม่มีทางขึ้น แต่หากต้องการสัมผัสสายน้ำจากมหานทีอันยิ่งใหญ่ในมุมสูงแบบ Bird eye’s view ต้องเดินขึ้นเขาฝั่งตรงข้ามโดยจ้างคนท้องถิ่นนำทาง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก็จะได้เห็นน้ำตกทีลอซูในมุมกว้างที่มีความสวยงามที่สุด  

น้ำตกทีลอจ่อ หรือภาษาไทยว่าน้ำตกสายฝน

2 จอดรถแล้วล่องเรือยางไป

เส้นทางล่องแก่งเรือยางไปเที่ยวชมน้ำตกทีลอซู เป็นเส้นทางล่องสบายๆ ไม่โหดจนเกินไป เพราะลำห้วยยะแมะ และแม่น้ำแม่กลองในช่วงอ.อุ้มผางนี้เป็นลำน้ำขนาดไม่ใหญ่ มีสายน้ำไหลแบบเอื่อยๆ เท่านั้น

โฆษณา อุ้มผางฮิลล์

เส้นทางนี้จึงเหมาะสำหรับนักผญภัยมือใหม่ที่อยากลองสัมผัสกิจกรรมล่องแก่งเรือยางสักครั้ง ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มีอากาศแจ่มใส ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม และน้ำใสสะอาด

บ่อน้ำร้อนริมน้ำแม่กลอง แวะอาบคลายหนาว

ข้อดีของการล่องเรือยางไปชมน้ำตกทีลอซู นอกจากจะได้พายเรือสัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามแล้ว ระหว่างทางยังได้แวะเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ กันหลายแห่งด้วย จุดแรกคือ น้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝนสายน้ำไหลตกลงจากหน้าผาสูงชันที่มีมอส และเฟินเกาะจนเขียวขจี มองดูคล้ายสายฝนในช่วงฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ

น้ำตกสายรุ้ง แดดออกช่วงใกล้เที่ยงของแต่ละวัน

พายต่อไปไม่ไกลจะพบ น้ำตกสายรุ้ง คล้ายน้ำตกสายฝน แต่เมื่อถูกแสงแดดจะเกิดเป็นรุ้งกินน้ำอันงดงาม ต่อมาก็จะได้เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวบ่อน้ำร้อน จอดเรือ และเดินขึ้นฝั่งเข้าไป ในช่วงฤดูหนาวการแช่น้ำร้อนที่นี่จะช่วยคลายหนาวได้อย่างดี จากนั้นกลับไปพายเรือกันต่อไม่นานก็จะพบ แก่งตะโคะบี๊ เป็นแก่งเดียวของเส้นทางนี้ เป็นแก่งไม่รุนแรง เขย่าพอให้ตื้นเต้นช่วงสั้นๆ เท่านั้น  

โฆษณา อุ้มผางคันทรีฮัท
ภายในถ้ำตะโคะบิ๊

หลังจากผ่านแก่งตะโคะบี๊ ก็จะถึงจุดสิ้นสุดการล่องเรือยางที่ บ้านท่าทราย ขึ้นฝั่งพักกินมื้อเที่ยงที่นี่ ช่วงบ่ายทางผู้ประกอบการมีรถเตรียมไว้ให้ จากบ้านท่าทรายระยะทางห่างจากน้ำตกทีลอซู 10 กม. ใช้เวลาชั่วโมงเศษถึงลานจอดรถ

จากนั้นเดินเท้าทางราบเข้าไปอีก 1.8 กม. คุณจะพบน้ำตกทีลอซู มหานทีอันยิ่งใหญ่ของเมืองไทย และหลังจากชมน้ำตกเสร็จเดินทางกลับรีสอร์ตในตัวเมืองอุ้มผางด้วยรถของทางผู้ประกอบการเหมือนเดิม

ทีลอซู น้ำตกสวยสุดในเมืองไทย
น้ำตกทีลอซู วิวนี้ต้องลงทุปีนเขาขึ้นไป

ถ้ำตะโค๊ะบิ๊ เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตต.แม่กลอง คำว่าตะโค๊ะบิ๊ มาจากภาษากะเหรี่ยงแปลได้ว่ามะม่วงแบน ซึ่งเป็นชื่อของมะม่วงป่าชนิดหนึ่งที่มีผลแบน และเชื่อกันว่าบริเวณถ้ำมีต้นมะม่วงแบนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก

ถ้ำตะโค๊ะบิ๊

สำหรับตัวถ้ำมีความลึกประมาณ 3 กม. ภายในกว้างขวางมีทางแยกหลายทาง หากต้องการเดินเที่ยวชมให้ทั่วจะต้องใช้เวลาเดินเที่ยวชมกันหลายชั่วโมง ทริปเที่ยวถ้ำตะโค๊ะบิ๊จะนิยมแวะเที่ยวชมหลังจากกลับจากการไปเที่ยวชมน้ำตกทีลอซู มหานทีอันยิ่งใหญ่ของตาก เพราะทางเข้าสู่ถ้ำอยู่ระหว่างเส้นทางขากลับจากน้ำตกพอดี   

ขับรถเที่ยวในอุ้มผาง

ชมพระอาทิตย์ขึ้นดอยหัวหมด

Location กม.ที่ 10 บนทางหลวงหมายเลข 1090

จากตัวเมืองอุ้มผางใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 ไปทางบ้านกะเหรี่ยงเซปละ กม.ที่ 10 จะพบทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

ดอยหัวหมด 1

ดอยหัวหมดเป็นภูเขาหินปูนทอดยาวหลายลูกติดกัน บริเวณดอยหัวหมดจึงมีจุดชมวิวให้ชมกันถึง 2 แห่ง จุดแรกตั้งอยู่กม.ที่ 9 ต้องจอดรถบริเวณริมทางหลวง จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาไปอีก 2 กม. เส้นทางส่วนใหญ่เป็นขึ้นเขาสูงชันในบางช่วงจึงต้องใช้ความระมัดระวัง ส่วนบริเวณจุดชมวิวเป็นภูเขายอดตัดโล่งเตียน ยามเช้าจึงสามารถชมทะเลหมอก และและทิวเขาสลับซับซ้อนได้อย่างสวยงามไปจนถึงจุดชมวิวกม.ที่ 10 ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง    

ดอยหัวหมด 2

จุดชมวิวดอยหัวหมดแห่งที่ 2 ตั้งอยู่กม.ที่ 10 เป็นจุดชมวิวที่เหล่าผู้ประกอบการนิยมพานักท่องเที่ยวไปชม เพราะเดินทางสะดวก และใช้เวลาท่องเที่ยวไม่นาน จากลานจอดรถเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 300 ม.เท่านั้น บนยอดเป็นเนินเขาโปร่งมีต้นไม้ไม่มากนักจึงได้ชื่อว่าดอยหัวหมด จากจุดนี้สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกในยามเช้าได้อย่างสวยงามเช่นกัน    

ถนนสายดอกเสี้ยว

ทางหลวงหมายเลข 1090 บริเวณดอยหัวหมดไม่ได้มีดีเพียงแค่วิวสวยๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางสายดอกไม้อันสวยงามของอุ้มผางด้วย โดยเฉพาะบริเวณหลักกม.ที่ 6, 9, 12 และ 13 ซึ่งเป็นบริเวณที่มีดอกเสี้ยวให้ชมอยู่มากมาย ดอกเลี้ยวเหล่านี้จะเบ่งบานให้ชมกันในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี แม้แต่ชาวอุ้มผางเองก็ยังนิยมขับรถมาชม แต่หากมาในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ก็จะได้ชมดอกเทียน หรือหยดน้ำค้างแทนดอกเสี้ยว

ใครชอบวิถีชีวิตก็ขับรถเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงต่างๆ ได้ หมู่บ้านที่รถถึงคือบ้านเซปละ (24 กม.) บ้านปะหละทะ (เลยบ้านเซปละไปอีก 3 กม.) หรือถ้าขี้เกียจไปไกลก็ขับรถชิลล์ๆ เล่นในตัวเมืองอุ้มผางมีบ้านโบราณให้ชมหลายหลัง

ล่องเรือยางต้นหนาวไปทีลอเล

น้ำตกทีลอเล

ทริปล่องเรือยางเข้าไปชมความงดงามของน้ำตกทีลอเล นับเป็นเส้นทางผจญภัยบนสายน้ำที่ไม่ธรรมดา เพราะอย่างน้อยต้องใช้เวลาเที่ยวกันถึง 2 วัน 1 คืน ต้องอาศัยการนั่งรถ ต่อเรือยาง ฟันฝ่าแก่งน้อยใหญ่กันมากมายกว่าจะได้ยลน้ำตกกลางป่าใหญ่ แถมขากลับต้องอาศัยการเดินเท้า หรือนั่งช้างใช้เวลากันอีกเป็นวัน เส้นทางนี้จึงเหมาะสำหรับขาลุยตัวจริงเท่านั้น

Location เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทีลอซู อ.อุ้มผาง

การเข้าไปชมน้ำตกทีลอเล ต้องล่องเรือยางเข้าไปตามลำน้ำแม่กลอง ใช้เวลาล่อง 5-6 ชม. ผ่านแก่งน้อยใหญ่ 14-15 แก่ง และต้องค้างแรมกลางป่า 1 คืน จากนั้นขากลับต้องเดินเท้าระยะทาง 35 กม. หรือเลือกนั่งช้างกลับ

ความสนุกแทบลืมหายใจกับเส้นทางล่องแก่งที่สวยสุดของไทย

ทริปนี้คุณไม่ต้องเตรียมสิ่งของอะไรไปมาก สิ่งที่ควรเตรียมติดตัวไปด้วยคือ ใจ และแรงกายก็พอเพราะต้องออกแรงพายเรือฝ่าแก่งสนุกๆ กันตลอดวัน ส่วนเรื่องการพักแรม อาหาร น้ำดื่ม ทางผู้ประกอบการได้จัดเตรียมไว้ให้คุณหมดแล้ว ส่วนขากลับใครคิดว่าเดินไม่ไหวต้องนั่งช้างกลับก็ควรแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าด้วย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมปลายฝนต้นหนาว เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์

ความสนุกแทบลืมหายใจกับเส้นทางล่องแก่งที่สวยสุดของไทย

ขับรถ ลงเรือ นั่งช้าง

ทริปล่องเรือยางสู่น้ำตกทีลอเลนั้น เป็นเส้นทางล่องแม่น้ำแม่กลองตอนล่างของอุ้มผาง ซึ่งเป็นช่วงลำน้ำที่มีแก่งน้อยใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างทางกว่า 14 แก่ง และแต่ละแก่งยังมีความยากในระดับ 4-5 ทั้งนั้น

ต้องเริ่มต้นด้วยการนั่งรถจากอุ้มผาง ไปหมู่บ้านปะละทะ 27 กม.แล้วค่อยลงเรือยางกันต่อ แต่ก็มีบางแห่งที่ให้บริการล่องแก่งจากอุ้มผางไปยังน้ำตกทีลอเลเลยก็มี ช่วงปลายปีเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ระดับน้ำกำลังดี มีแก่ง คลื่นครบรส ซึ่งหลังจากมาถึงจุดปล่อยเรือคุณจะได้รับการสาธิตการพายเรือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ศัพท์ที่ใช้ระหว่างล่องแก่ง และอุปกรณ์ป้องกัน

จากนั้นเมื่อพร้อมก็เริ่มต้นลุย ไม่นานก็จะพบแก่งเลกะติเป็นแห่งแรก ต่อด้วยแก่งบันได แก่งตุ๊กแก แก่งหักศอก แก่งน้ำตกน้อย และแก่งคนมอง เป็นแก่งใหญ่ล่องสนุกสุดของลำน้ำสายนี้ เมื่อผ่านแก่งนี้ไปจะพบหาดทรายกว้างผู้ประกอบการจะใช้เป็นที่ตั้งแค้มป์ จากจุดนี้จะต้องล่องเรือยางไปอีก 2 แก่ง จะถึงน้ำตกทีลอเล บางคณะจะล่องต่อไปยังทีลอเลเลย แต่หากคุณอยากได้ภาพสวย แดดตกลงน้ำตกดูสวยงาม พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อดีกว่า  

ทีลอเล รางวัลของผู้พิชิต

ปัจจุบันมีการล่องเรือยางต่อไปอีกนิดจะได้พิชิตน้ำตกขั้นบันได น้ำตกสวยอีกแห่ง ผู้ประกอบการบางเจ้าเท่านั้นที่จัดทริปนี้

สละเรือยาง ขี่หลังช้าง

ออกจากป่าใหญ่

หลังอาหารเช้า ล่องแก่งต่อเพื่อไปชมน้ำตกทีลอเล จะผ่านแก่งกะชอจิ๊เก  ห่างจากจุดพักแรมราว 40 ม. เป็นโขดหินใหญ่ตั้งตระหง่านขวางลำน้ำแม่กลอง กระแสน้ำถูกแยกออกเป็นสองสาย แล้วไหลมาบรรจบกันที่แก่ง จากนั้นจะพบแก่งอกแตก แก่งเล็กๆ ยาวราว 60 ม. เป็นแก่งที่มีกระแสน้ำไหลแรงเป็นเกลียวคลื่น และหลุดจากแก่งไปประมาณ 200 ม. จะพบน้ำตกทีลอเล

แค้มปิ้งริมน้ำแม่กลองจุดที่ใกล้กับน้ำตกทีลอเล

ทีลอเล เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกหิน สูงราว 80 ม. ตกลงมายังลำน้ำแม่กลอง หากเป็นช่วงหนาวน้ำลดจะมีโขดหินใต้น้ำตกให้ไปยืนเล่นน้ำกันด้วย และการล่องเรือยางจะสิ้นสุดที่นี่ จากนั้นต้องใช้เชือกช่วยกันลากเรือทวนสายน้ำ เดินริมตลิ่งพาเรือกลับไปจุดตั้งแค้มป์ ถึงก็ประมาณครึ่งวัน กินข้าวเก็บสัมภาระเตรียมเดินกลับหมู่บ้านปะหละทะ มี 2 ทางเลือก คือเดินเท้ากลับ และนั่งช้างกลับใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม

ใครจะนั่งช้างต้องแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าด้วย สมัยนี้ช้างในอุ้มผางเหลือน้อยลงทุกวัน คุณอาจต้องทำใจเดินกันยาวๆ ระยะทางจากแค้มป์สู่บ้านปะหละทะนั้นประมาณ 35 กม. บางคณะเดินไม่ไหวต้องค้างแรมกลางป่าอีกคืน ส่วนคณะไหนยังไหวเมื่อถึงบ้านปะละทะแล้วก็ต้องนั่งรถกลับรีสอร์ตในตัวเมืองอุ้มผางอีก 27 กม.เหมือนขามา

ถึงรีสอร์ตแม้จะเหนื่อยแทบสลบ แต่มีเรื่องราวแสนสนุกกลับไปเล่าให้เพื่อนฟังกันเพียบแน่นอน

ผจญภัยในหน้าฝนไป…น้ำตกปิตุ๊โกร

น้ำตกรูปหัวใจกลางผืนป่าใหญ่ของตาก 

Location บ้านกุยเลอตอ อ.อุ้มผาง จ.ตาก

จากตัวเมืองอุ้มผาง ไปบ้านกุยเลอตอระยะทางประมาณ 70 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. จากนั้นเดินป่า 4 ชม. และค้างแรมกลางป่ากันอีก 1 คืนถึงจะพบน้ำตก 

น้ำตกปิตุ๊โกรมีน้ำเฉพาะฤดูฝน และต้องใช้บริการจากผู้ประกอบการเดินทางไปเท่านั้น

บริเวณน้ำตกไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการ นักท่องเที่ยวต้องนำสัมภาระไปด้วยตนเอง ซึ่งวิธีที่สะดวกที่สุดคือ จ้างผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งจะมีไกด์นำทาง และลูกหาบคอยให้บริการแบกสัมภาระอาหาร และน้ำดื่ม 

เส้นทางไปน้ำตกปิ๊ตุ๊โกรเป็นเช่นนี้!

ด้วยความเป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดในไทย นอกจากน้ำตกทีลอซูอันโด่งดังแล้ว ภายในอุ้มผางจึงยังคงมีน้ำตกสวยกลางป่าใหญ่ให้ไปผจญภัยกันอีกหลายแห่ง แต่ทริปที่ว่ากันว่าเหนื่อย และผจญภัยที่สุดๆ ก็คือ ทริปน้ำตกปิตุ๊โกร เพราะเป็นน้ำตกที่เที่ยวเองไม่ได้ต้องใช้บริการจากผู้ประกอบการท้องถิ่น แถมยังต้องเดินป่าฝ่าดงปีนเขาในช่วงฤดูฝนกันกว่า 3 วัน 2 คืนจึงจะได้พบน้ำตกชื่อเรียกยากแห่งนี้ แต่เมื่อไปถึงรับรองว่าไม่ผิดหวังเพราะคุณจะได้ชมน้ำตกรูปหัวใจกลางผืนป่าใหญ่ของตากที่หาชมกันได้ไม่ง่าย    

ตั้งแค้มป์ใกล้กับน้ำตก

การเที่ยวชมน้ำตกปิตุ๊กโกรจะเริ่มเดินทางจากตัวเมืองอุ้มผาง ช่วงแรกต้องนั่งรถมายังบ้านกุยเลอตอระยะทางประมาณ 70 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.หากออกแต่เช้าประมาณเที่ยงถึงบ้านกุยเลอตอ จากนั้นเตรียมสัมภาระเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดกันฝนให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระหนักๆ ให้ลูกหาบช่วยถือไป

ช่วงหนึ่งของเส้นทางที่ต้องฝ่าไป

เมื่อพร้อมก็เริ่มเดินเข้าสู่ป่าใช้เวลาเดินลุยป่าข้ามห้วยป่นเขากันประมาณ 4 ชม.ถึงแค้มป์แทบหมดแรงช่วงเวลาที่เหลือพักแรมเอาแรงกันก่อนหนึ่งคืน จากนั้นรุ่งเช้าเดินต่อขึ้นเขาไปจะเริ่มเห็นน้ำตกปิตุ๊โกร แต่ทางช่วงนี้ลื่นและชันจึงต้องใช้เวลากันอีก 4 ชม.จึงจะได้ชมน้ำตกปิตุ๊โกรในมุมสูงที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุด

ความสูงของน้ำตกเสมือนไหลมาจากฟ้า

น้ำตกปิตุ๊โกร เป็นน้ำตกที่มีน้ำให้ชมกันเพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น หากมาช่วงอื่นจะพบแต่หน้าผาหินจึงไม่คุ้มค่าแก่การมาชม จุดเด่นของน้ำตกหากมองออกไปจะเห็นสายน้ำสองสายไหลลงมาจากภูเขาสูงประมาณ 500 ม. มาบรรจบกันตรงกลางคล้ายกับตัวอักษร Y ส่วนบางคนก็บอกคล้ายกับรูปหัวใจมากกว่า ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน จากนั้นคืนนี้ต้องพักกลางป่ากันอีกหนึ่งคืน 

รางวัลของผู้พิชิตได้สัมผัสสายสร้อยของน้ำตก

รุ่งเช้า จากจุดพักแรมยังชมทะเลหมอกผ่านผืนป่าฝั่งพม่าได้อย่างสวยงามด้วย ชมวิวกินข้าวกันสักพักพอมีแรงก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกุยเลอตอ ขากลับเร็วหน่อยเพราะเป็นทางลงเขาใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม.เท่านั้น ถึงบ้านกุยเลอตอจะมีรถมารอรับกลับตัวเมืองอุ้มผาง

ด้วยระยะทางที่ไกล แถมต้องเดินป่าลุยน้ำเปียกปอนกันในช่วงฤดูฝน ทริปน้ำตกปิตุ๊โกรนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกาย และจิตใจอันแข็งแกร่งเท่านั้น