ล่องแพ เที่ยวน้ำตก เพลินวิว
ไทรโยค ที่เที่ยวยอดนิยมนับตั้งแต่วัยรุ่นยุค 80s จนถึงกับมีบทเพลง มนต์ไทรโยค ที่เล่าเรื่องไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคโดยรถไฟ วันนี้ยุคเด็ก Gen Z ไทรโยคก็ยังมีมนต์เรียกคนทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ให้มาสัมผัสธรรมชาติน้ำตก และผืนป่าอันร่มรื่น เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงที่ไปง่าย เที่ยวสนุก กลับสะดวก
Location ไป อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จะเลือกขับรถยนต์ส่วนตัวมาเที่ยวก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ หรือจะนั่งรถโดยสารประจำทางก็ใช้เวลาเพียง 2 ชม. ถึงตัวเมืองกาญจน์ จากกรุงเทพฯ ขับรถไปตาม ถ.เพชรเกษม หรือจะเลือกใช้ถ.บรมราชชนนี ผ่าน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ผ่าน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา อ.ท่าม่วง จนถึง อ.เมืองกาญจนบุรี รวมระยะทางประมาณ 129 กม.
ไทรโยคเป็นอำเภอที่ต่อจากอำเภอเมืองกาญจน์ มีที่เที่ยวเรียงรายหลายแห่ง เด่นที่น้ำตก มีแม่น้ำแควน้อยสีเขียวใสไหลเย็นผ่าน ขับรถเที่ยวสะดวก เหมาเรือนั่งชมวิวในแม่น้ำก็ได้ จากตัวเมืองถึงไทรโยคระยะทางประมาณ 50 กม. ขับรถไม่เหนื่อยเกินไป (หากไปถึงอุทยานแห่งชาติไทรโยค ระยะทางประมาณ 90 กม.)
จุดเด่นน่าเที่ยว
เริ่มจากไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานบ้านเก่า ปราสาทเมืองสิงห์ และนั่งรถไฟเที่ยวถ้ำกระแซ
พิพิธภัณฑสถานบ้านเก่า ห่างจากตัวเมือง 35 กม. เป็นที่ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับมนุษย์สมัยหินยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย จากนั้นไปเที่ยวต่อที่ปราสาทเมืองสิงห์ ห่างไปประมาณ 7 กม. เป็นโบราณสถานในยุคลพบุรีตอนปลาย สถาปัตยกรรมและประติมากรรมขอมแบบบายน ตรงกับสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 – 19
หลังจากนั้นไปนั่งรถไปเที่ยวถ้ำกระแซ ชมวิว ”โค้งมรณะ” และชมถ้ำกระแซ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ล่องแพชมทิวทัศน์แม่น้ำแควน้อย
เที่ยวเมืองกาญจน์ต้องมีทริปนอนแพ แช่น้ำ เรียกได้ว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับการล่องแพ และสำหรับล่องแพชมทิวทัศน์แม่น้ำแควน้อยของไทรโยคก็นับว่าเป็นทริปที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องมาหลายสิบปี
สำหรับกิจกรรมล่องแพเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาไทรโยค มีอยู่หลายแบบ แบบแรกคือ แพอาหารขนาดใหญ่ล่องชมทิวทัศน์ ใช้เวลาล่องไม่นาน ประมาณ 2 – 3 ชม.
อีกแบบคือแพล่องแก่ง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แพเปียก เป็นแพไม้ไผ่ผูกติดกันเป็นขบวนแล้วใช้เรือลากขึ้นไปตามลำน้ำ แบบนี้คุณจะได้สนุกได้เล่นน้ำด้วย พื้นแพที่ปริ่มน้ำพอดีเวลานั่งก้นเปียก จึงเรียกว่าแพเปียก ผู้บุกเบิกการล่องแพลูกบวบ (แพไม้ไผ่ล่องแก่ง) คือสวนไทรโยค รีสอร์ท
สำหรับคนที่พักในอุทยานแห่งชาติไทรโยค ก็มีบริการแพล่องชมวิวแม่น้ำ และน้ำตกไทรโยคใหญ่ และน้ำตกไทรโยคเล็กด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีแพเอกชนให้บริการอยู่หลายเจ้า แต่ละที่พักล้วนมีวิวที่สวยงามแตกต่างกันไป ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ละที่ก็จัดให้เต็ม ทั้งเครื่องเล่นทางน้ำ อาหาร และที่พักที่สะดวกสบายประดุจวิมานลอยน้ำก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจำนวนมากต่างตั้งใจจะไปนอนแพดื่มด่ำบรรยากาศกันสักคืนสองคืน ยิ่งช่วงหน้าร้อนใครที่ไม่อยากไปทะเล มาเที่ยวแพที่ไทรโยคต่างประทับใจ
น้ำตกไทรโยคน้อย-น้ำตกไทรโยคใหญ่-ถ้ำละว้า-ช่องเขาขาด
หากคุณพักอยู่ที่ไทรโยคตั้งแต่เมื่อคืน เช้าวันนี้น่าไปเที่ยวถ้ำละว้า เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม และมีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาถ้ำของกาญจน์บุรี มีไฟฟ้าติดตั้งในถ้ำ เดินชมหินงอกหินย้อยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
จากนั้นไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย เป็นน้ำตกหินปูนขนาดกลางที่สวยงาม รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสน้ำตกนี้เมื่อปี พ.ศ. 2431 และได้พระราชทานนามว่า น้ำตกเขาพัง น้ำตกนี้นั่งรถไฟมาเที่ยวได้ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ มีรถไฟขบวนท่องที่ยวบริการด้วย
ก่อนเที่ยงวันนี้ไปเที่ยวต่อที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ไปชมวิวน้ำตกไทรโยค (น้ำตกไทรโยคใหญ่) และล่องเรือชมทิวทัศน์น้ำตกไทรโยคเล็ก และกิจกรรมล่องแพชมทิวทัศน์
ช่วงบ่าย ไปเที่ยวช่องเขาขาด พิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำ ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หลังจากชมนิทรรศการและมินิเธียเตอร์ในอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ แล้ว ด้านหลังมีทางเดินลงไปที่เส้นทางรถไฟสายมรณะจนถึงช่องเขาขาดใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 1.30 ชม. เพื่อไปชมบริเวณที่เรียกว่า “ช่องเขาขาด” ซึ่งมีการตัดภูเขาเพื่อสร้างทางรถไฟไปยังพม่า ช่องเขาที่ได้ถูกขนานนามว่า Hellfire Pass หรือ ช่องไฟนรก
กลับจากช่องเขาขาดแล้ว จึงขับรถกลับกรุงเทพฯ จบทริปเที่ยวไทรโยคอันแสนสนุก