ไปดอยภูคา เพื่อพิชิตดอยภูแว
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้สัมผัสอย่างหลากหลายทั้งขุนเขา น้ำตก พรรณไม้ และวิวอันงดงาม หากคุณชื่นชอบเดินป่าระยะไกลพิชิตยอดดอย ก็ต้องไม่พลาดไปเดินดอยภูแว ไปดูป่าเปลี่ยนสีบนยอดดอย ส่วนคนชอบท่องธรรมชาติแบบสบายๆ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มี น้ำตกต้นตอง เต่าร้างยักษ์ ต้นชมพูภูคา และจุดชมวิวสวยๆ ให้ขับรถเที่ยวแบบเพลินๆ ภายในวันเดียว
Location: ต.ภูคา อ.ปัว จ.น่าน
จากอ.เมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 (น่าน-ปัว) เป็นถนนลาดยาง 60 กม. และจากอ.ปัวใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ระยะทาง 25 กม.จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
ภายในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพักหลังเดี่ยวขนาดใหญ่ บ้านพักแบบเรือนแถว ค่ายเยาวชน และบ้านเกวียนขนาดเล็ก ทุกหลังตกแต่งอย่างเรียบง่าย ส่วนร้านอาหารสวัสดิการจะเปิดให้บริการในช่วงฤดูท่องเที่ยวเท่านั้น หากมาในช่วงอื่นๆ ติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนเดินทาง
สำหรับลานกางเต็นท์ภายในบริเวณอุทยานฯ มีให้บริการ 2 แห่ง ได้แก่ ลานดูเดือน ในที่ทำการอุทยานฯ และลานดูดาว ที่ตั้งห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 5 กม. ทั้งสองแห่งเป็นลานหญ้ากว้างเหมาะสำหรับกางเต็นท์แค้มปิ้ง มีห้องน้ำ ห้องสุขาให้บริการ และยังมีจุดชมวิวสวยๆ ให้ด้วย
พิชิตดอยภูแว
แม้อุทยานฯ แห่งนี้จะมีชื่อดอยภูคาต่อท้าย สำหรับนักเดินป่าที่ชื่นชอบการเดินเที่ยวดอย จะรู้จักกันดีกับเส้นทางพิชิตยอดดอยภูแวเสียมากกว่า ดอยภูแว เป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล จุดเริ่มต้นของการเดินเท้าอยู่ที่ บ้านด่าน อ.บ่อเกลือ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 63 กม. จากนั้นเดินเท้าสู่ยอดดอยอีก 6 กม. เส้นทางส่วนใหญ่เป็นป่าโปร่งเดินตามสันเขาที่ทอดยาวเชื่อมถึงกันตลอด จะผ่านหมู่บ้านปู่ดู่ ชุมชนชาวลัวะเป็นจุดสุดท้ายก่อนถึงยอดดอย เส้นทางนี้เหมาะสำหรับคนที่มีแรงกาย และแรงใจดีเยี่ยมเท่านั้น เพราะใช้เวลาเดินเที่ยวชมอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางก่อนเดินทาง และต้องเตรียมอาหาร น้ำดื่ม เต็นท์ ฯลฯ มาเองด้วย ส่วนทางอุทยานฯ จะมีลูกหาบไว้คอยให้บริการ
ยอดดอยภูแว มีความสูง 1,837 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะเป็นโปร่งโล่งไม่มีพรรณไม้ใหญ่มากนัก ส่วนใหญ่จะปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้า และลานหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วดอย หากมองออกไปรอบด้านจะชมวิวได้อย่างสวยงาม ฝั่งตะวันออกจะมองเห็นแนวเทือกเขาเป็นพรหมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างไทยกับลาว ส่วนทางด้านเหนือมองเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทางด้านใต้จะพบวิวเทือกเขาทอดยาวกับดอยภูแวน้อย ส่วนทางด้านตะวันตกเป็นหุบผาลึกชัน ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม และในช่วงนี้เองที่แสงจากพระอาทิตย์จะส่องประกายให้ทุ่งหญ้าบนยอดดอยเปลี่ยนสีสันอย่างงดงามเสมือนทุ่งสะวันน่าเลยทีเดียว สำหรับยามเช้าในช่วงฤดูหนาวบนยอดดอยภูแวยังชมทะเลหมอกได้อย่างสวยงามด้วย
เส้นทางท่องเที่ยวดอยภูแวเหมาะมาเที่ยวชมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปีเท่านั้น สำหรับในช่วงเดือนอื่นๆ ไม่เหมาะสำหรับการขึ้นไปเที่ยวชม แต่ภายในบริเวณที่ทำการอุทยานฯเข้าไปพักผ่อนได้
ที่เที่ยวทั่วไปในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติของอุทยานฯ ในแบบไม่ต้องเตรียมตัวมากนัก ภายในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีธรรมชาติสวยๆ ให้ขับรถไปเที่ยวชมแบบสบายๆ เช่น เต่าร้างยักษ์ น้ำตกต้นตอง และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เต่าร้างยักษ์
Location: บริเวณทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ
จากอ.ปัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ระยะทาง 25 กม. จะพบทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ ทางด้านซ้าย และต้นเต่าร้างยักษ์
เมื่อคุณเดินทางมาถึงทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ หากมองให้ดีจะพบต้นไม้สูงใหญ่ตั้งเด่นสง่าอยู่หนึ่งต้น นั่นล่ะคือต้นเต่าร้างยักษ์ เป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นที่โตเต็มที่จะมีความสูงอยู่ในระดับ 10-40 ม. ลำต้นสูง ช่วงปลายยอดจะมีกิ่งแตกแขนงออกมามากมาย มองดูจะมีลักษณะคล้ายต้นไม้ดึกดำบรรพ์ ต้นเต้าร้างยักษ์ส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นอยู่ตามไหล่เขาที่ลาดชัน และตามหน้าผาในป่าดิบเขาในระดับความสูง 1,500-1,700 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พบเห็นต้นเต่าร้างยักษ์ต้นอื่นๆ ได้ตลอดทางหลวงหมายเลข 1256 จากที่ทำการอุทยานฯ ไปยังอ.บ่อเกลือ
น้ำตกต้นตอง
Location: ทางหลวงหมายเลข 1256 ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 3 กม.
จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ไปทางอ.ปัว ระยะทาง 3 กม.จากนั้นเดินเท้าอีกประมาณ 500 เม.จะพบน้ำตก
น้ำตกต้นตอง เป็นน้ำตกที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามที่สุด และเดินทางไปเที่ยวชมง่ายที่สุดของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เพราะห่างจากที่ทำการอุทยานฯเพียง 3 กม. จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 500 ม. ก็จะพบกับน้ำตก ลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนขนาดกลางมี 3 ชั้น สูง 60 ม. เป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี แต่ช่วงที่มีความสวยงามที่สุดคือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว สายน้ำจะไหลผ่านหน้าผาลงมาอย่างสวยงาม บรรยากาศรอบด้านก็ร่มรื่นเย็นสบาย
แค้มปิ้งรับลมหนาว
Location: ที่ทำการอุทยานฯ และลานดูดาว
จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ไปยังอ.บ่อเกลือ ระยะทาง 5 กม. จะพบลานดูดาว
ใครที่ต้องการพักผ่อนแบบแค้มปิ้ง รับลมหนาวดูดาวสวย อุทยานแห่งชาติดอยภูคามีลานกางเต็นท์เหมาะสำหรับแค้มปิ้งพักแรมอยู่ 2 แห่ง สถานที่แห่งแรกคือ ลานดูเดือน ตั้งอยู่ภายในที่ทำการอุทยานฯ เป็นลานกว้างที่ถูกตกแต่งอย่างดี มีห้องน้ำ ห้องสุขา ให้บริการอย่างดี และยังใกล้กับจุดชมวิว ช่วงเย็นเดินไปชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างสบายๆ สำหรับลานดูดาว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 5 กม. เป็นลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1256 กางเต็นท์พักแรมได้เป็นอย่างดีเช่นกัน มีห้องน้ำ ห้องสุขา และร้านสวัสดิการให้บริการรวมถึงจุดชมวิวสวยๆ
ยามเช้า หากคุณอยากชมวิวทะเลหมอกสวยๆ จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ไปยังอ.บ่อเกลือ ระยะทาง 8 กม.บริเวณกม.ที่ 33 จะพบจุดชมวิว จุดชมวิวแห่งนี้มีความสูงประมาณ 1,684 ม. จากระดับน้ำทะเล ยามเช้าชมทะเลหมอก ขุนเขาสลับซับซ้อน ในเขตอ.บ่อเกลือได้อย่างสวยงาม
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
Location: ภายในที่ทำการอุทยานฯ
จากอ.ปัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ระยะทาง 25 กม. จะพบทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ ทางด้านซ้าย จากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากคุณชื่นชอบการเดินป่าศึกษาพรรณไม้ และนกหายาก มาท่องเที่ยวอุทยานฯแห่งนี้รับรองไม่ผิดหวัง เพราะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกถึง 3 เส้นทาง สำหรับคนอยากชมความงดงามของต้นชมพูภูคา ภายในอุทยานฯ มีเส้นทางให้เลือก 2 เส้นทาง คือ เส้นทางรอบใหญ่ ระยะทาง 4 กม. ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชม.และเส้นทางรอบเล็ก ระยะทาง 2 กม. ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 1.5 ชม. ทั้งสองเส้นทางเริ่มต้นจากที่ทำการอุทยานฯ ตลอดทาง นอกจากต้นชมพูภูคาแล้ว ยังมีพันธุ์ไม้หายากเฉพาะถิ่น และสมุนไพรให้ชมด้วย
สำหรับเส้นทางที่ 3 เป็นเส้นทางศึกษาป่าดึกดำบรรพ์ (ดอยดงหญ้าหวาย) ระยะทางประมาณ 7 กม. ใช้เวลาเดินกว่า 5 ชม. ตลอดทางนอกจากพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์แล้ว ยังพบนกหาชมยากชนิดต่างๆ มากมาย รวมถึงผีเสื้อนานาชนิดด้วย
ใครที่ต้องการชมดอกสีชมพูของต้นชมพูภูคา ควรเดินทางมาชมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี