ชมปราสาทขอมบนเขา จากหน้าผาบ้านเรา
แม้ว่าเรื่องราวชายแดนจะยังไม่ราบรื่นนัก แต่สำหรับเรื่องเที่ยวแล้ว เขาพระวิหาร ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางเสมอเมื่อจะมาเยือนเมืองศรีสะเกษ ปราสาทหินสมัยขอมอันโดดเด่นแม้อยู่ในฝั่งประเทศกัมพูชา แต่ก็ชื่นชมได้จากฝั่งไทย ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกเยอะให้คุณได้สัมผัส ไม่เพียงแต่ปราสาทขอมเท่านั้น ยังมีน้ำตกและถ้ำมากมายให้ชมด้วย
Location : อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ติดกับฝั่งประเทศกัมพูชา
จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถ.พหลโยธิน) ถึงสระบุรีเลี้ยวขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถ.มิตรภาพ) จนถึง อ.สีคิ้วแล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (ถ.โชคชัย-เดชอุดม) เข้าสู่เขต จ.ศรีสะเกษ ผ่านอ.ภูสิงห์ อ.ขุขันธ์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 221 ผ่าน อ.กันทรลักษณ์ ตรงไปสุดถนนถึงอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
หมายเหตุ: เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนไม่ปกติ คุณจึงควรหาข้อมูลก่อนเดินทางในช่วงเวลานั้นๆ ว่าสามารถเดินทางไปได้หรือไม่
Day1
หากเมื่อคืนคุณพักที่ตัวเมืองศรีสะเกษ เช้านี้ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 221 ตรงเข้าสู่อ.กันทรลักษณ์สุดปลายทางคืออุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ใช้เวลาเที่ยวในอุทยานฯได้ครบในช่วงบ่าย เมื่อเข้าถึงที่ทำการอุทยานฯแล้ว ไปชมวิวทิวทัศน์บนผามออีแดงก่อน มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ทอดตัวเป็นแนวยาว เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งพระอาทิตย์ขึ้น ชมทะเลหมอกในหน้าฝน มองเห็นทิวทัศน์ประเทศกัมพูชาได้อย่างสวยงาม และยังส่องกล้องชมวิวปราสาทเขาพระวิหารได้ด้วย ใต้หน้าผามีบันไดเดินลงไปชมภาพแกะสลักหิน เป็นรูปเทพ 3 องค์ ซึ่งแกะสลักไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 15 ระหว่างพ.ศ. 1465-1490 นับเป็นรูปแกะสลักหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
จากนั้นทำบัตรผ่านแดนไปเที่ยวชมปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในฝั่งกัมพูชา ปราสาทเขาพระวิหาร หรือ ปราสาทเปรี๊ยะวิเฮียร์ นับได้ว่าเป็นศาสนบรรพตยุคขอมโบราณที่สร้างได้อย่างโดดเด่น นอกจากจะปราณีตงดงามด้วยหินแกะสลักลวดลายต่างๆ แล้ว ยังตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ของเทือกเขาพนมดงรัก
การก่อสร้างปราสาทเขาพระวิหารมีการสร้างมาหลายยุค ตั้งแต่สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 มาแล้วเสร็จในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ลักษณะของปราสาทเป็นศิลปะแบบบันทายสรี บางส่วนคล้ายคลึงกับวิหารปราสาทนครวัด เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งมีพระศิวะเป็นเทพสูงสุด และปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทนครวัด ในเมืองพระนคร ระยะทาง 280 กม.
ตอนเย็น ไปชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกบนยอดเขาบริเวณเนินเสาธง คืนนี้คุณอาจจะขับรถกลับเข้าไปพักในอ.กันทรลักษณ์ หรือนอนบ้านพัก หรือกางเต็นท์นอนในอุทยานฯ ส่วนมื้อค่ำวันนี้หาข้าวกินที่ร้านอาหารสวัสดิการอุทยานฯ หรือจะเตรียมไปหุงหากินกันเองก็ได้ หรือใช้บริการร้านอาหารบริเวณที่จอดรถ แต่ร้านจะปิดเร็วสักหน่อย คุณอาจต้องไปสั่งอาหารไว้ก่อนค่ำ
Day2
เช้าชมตะวันฉายที่ผามออีแดง หรือไปชมภาพแกะสลักอีกครั้ง จากนั้นเดินไปชมสถูปคู่ เป็นโบราณวัตถุมีอยู่ 2 องค์ ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกของผามออีแดงมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ยอดมนคล้ายตะปูหัวเห็ด ก่อสร้างด้วยหินทราย จากนั้นกินมื้อเช้าที่อุทยานฯ เสร็จแล้วไปขับรถเที่ยว ภายในบริเวณอุทยานฯ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คุณได้เที่ยวชม เช่น จุดชมวิวผาช่องโพย สระตราว ถ้ำฤาษี แหล่งตัดหิน จุดชมวิวภูเซี่ยงหม้อ และปราสาทโดนตวล
บ่ายๆ ไปเที่ยวน้ำตกในเขตอุทยานฯ เช่น น้ำตกผาช่องโพย น้ำตกห้วยตา น้ำตกและถ้ำขุนศรี แล้วเดินทางกลับ หรือจะเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทในจังหวัดสุรินทร์กันต่อ ก็น่าสนุก
ภายในอุทยานฯ มีบ้านพักให้คุณเลือก 2 โซน โซนแรกอยู่บริเวณผามออีแดง และอีกโซนอยู่ที่ทำการอุทยานฯ ส่วนลานกางเต็นท์จะอยู่ที่โซนที่ทำการอุทยานฯ เป็นสนามหญ้ากว้าง วิวสวย ส่วนร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกจะอยู่บริเวณที่จอดรถใกล้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รายละเอียดอื่นๆ สามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
Tips : ชมภาพแกะสลักผามออีแดงสวยสุดต้องตอนเช้า
นอกจากจะได้มาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และวิวทะเลหมอกในฝั่งกัมพูชาแล้ว ที่ผามออีแดงยังมีภาพแกะสลักหินเป็นรูปเทพ 3 องค์ ซึ่งในเวลาตอนเช้า แสงแดดจะส่องเข้าหาหน้าผา ทำให้ผาหินมีสีส้มแดงเพิ่มอรรถรสในการชมภาพแกะสลักได้อย่างดี หากเป็นช่วงบ่ายหน้าผาจะมืดไม่มีแสง ตอนเช้าจึงชมภาพแกะสลักได้สวยกว่านั่นเอง
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โทร 045 818 021, 045 816 071