ดินแดนความหลังนี้ช่างมีมนต์
ในบรรดาที่เที่ยวต่างๆ ทั่วลำพูน คงต้องยกให้อ.ป่าซางเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวยอดนิยมของเหล่านักเดินทางที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ อาจเพราะป่าซางมีมนต์เสน่ห์บางอย่างทั้งในอดีต และในปัจจุบันที่ทำให้หลายคนหลงใหล มาแล้วอยากมาอีก มากี่ครั้งก็ลืมไม่ลง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้เมืองแห่งนี้มีชื่อติดหูใครหลายคน อยากแนะนำว่าฟังมา อ่านมา ก็ไม่เท่าได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง รับรองได้ว่าหากได้อ่านเนื้อหาจนจบทริป เมืองนี้จะเป็นเมืองอันดับต้นๆ ของลำพูนเลย ที่คุณจะไม่ลืมแวะเยี่ยมเยือน
Location : อยู่เยื้องลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอ.เมือง จ.ลำพูน 14 กม.
จากตัวเมืองลำพูน เลือกขับรถมายังอ.ป่าซางได้หลายเส้นทาง แต่ถ้าให้ง่ายสุดแนะนำให้ใช้เส้นทางหมายเลข 106 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอ.เมืองลำพูน
สำหรับผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเลือกใช้บริการรถสองแถวได้ มีให้บริการตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ไปจนถึง 5 โมงเย็น จุดขึ้นรถไปอ.ป่าซางจะอยู่บริเวณถ.อินทยงยศ เยื้องกับแจ่มฟ้าพลาซ่า แต่ถ้าหาใครอยากเที่ยวเป็นส่วนตัวหน่อย แนะนำให้ติดต่อเหมารถสองแถวให้ขับพาทัวร์ก็สนุกไปอีกแบบ
ป่าซาง..
“ใครได้มาเยือน ยากที่จะลืมเลือนได้สักคน
คล้ายว่าป่านี้มีมนต์ ดลหัวใจให้เฝ้าใฝ่ฝัน”
คำคล้องจองด้านบนเป็นเนื้อของบทเพลงยอดนิยมในอดีต ซึ่งขับร้องโดยครูเพลงนามว่า สุรพล สมบัติเจริญ ในเนื้อเพลงครูกล่าวถึงความรักที่มีต่อสาวป่าซางซึ่งยากที่จะลืมเลือน เพราะที่แห่งนี้เหมือนมีมนต์ดลให้หัวใจใฝ่ฝันหา ความหมายเพลงก็น่ารักดี แต่อันที่จริงนอกจากสาวงามแล้ว เมืองป่าซางยังมีที่เที่ยวเด่นหลายแห่ง หลายแบบ หลายสไตล์ ให้คุณได้ใฝ่ฝันถึงอีกมากมายเพียงคุณมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนสักครั้งเท่านั้น
อ.ป่าซาง อดีตเคยเป็นอำเภอที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดก่อนที่จะถูกแยกพื้นที่บางส่วนกลายเป็นอ.บ้านโฮ่ง และอ.เวียงหนองล่องในปัจจุบัน อีกทั้งที่มีความเจริญเป็นอันดับสองรองจากอ.เมือง อยู่ไม่ไกลจากอ.เมืองลำพูน เรียกว่าติดกันเลยจะดีกว่า เพราะหากได้มาเที่ยวชมตัวเมืองลำพูนแล้ว ไม่ใช่เรื่องลำบากหรือยากเย็นที่จะขับรถต่อมาอีกเพียงไม่กี่กม. เข้าเที่ยวชมเมืองเก่าและชุมชนโบราณที่มีประวัติยาวนาน และมีความสำคัญยิ่งในสมัยก่อน เนื่องจากป่าซาง หรือ แขวงปากบ่อง ในอดีตเคยเป็นทั้งเมืองบริวารและเมืองหน้าด่านของเชียงใหม่ รวมทั้งเป็นเมืองสำคัญที่มีส่วนร่วมในการซ่องสุมกำลังพล เพื่อกอบกู้เมืองเชียงใหม่ในสมัยพระยากาวีละอีกด้วย
ส่วนที่ท่องเที่ยวของป่าซางในปัจจุบันนั้นก็แบ่งได้ง่ายๆ เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ ประเภทแรก คือที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ ได้แก่ ถ้ำเอราวัณ อ่างเก็บน้ำแม่อาว และอ่างเก็บน้ำแม่วังส้าน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตต.นครเจดีย์ทั้งหมด ส่วนประเภทที่สอง เป็นที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมซึ่งจะเด่นกว่า และยังเป็นที่นิยมมากกว่าในหมู่นักท่องเที่ยว ส่วนมากเป็นเส้นทางท่องเที่ยวชมวัดเก่า หอไตร และงานศิลปหัตกรรม สำหรับที่เที่ยวโดดเด่นบนเส้นทางสายนี้ก็คือ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์ 4 ครูบา, หอศิลป์อุทยานธรรมะ แหล่งชมงามศิลปะฝีมือชั้นครู, วัดป่าเหียง ดูหอไตรโบราณกลางน้ำ, หมู่บ้านหัตถกรรมบ้านหนองเงือก ชมแหล่งจำหน่ายผ้าทอที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ สุดท้ายเข้าชื่นชมหอไตรทรงล้านนาที่ วัดสันกำแพง ก่อนไปเดินชมบรรยากาศบ้านเก่าอายุกว่า 50 ปี พร้อมชิมของกินอร่อยๆ บริเวณตลาดป่าซางก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
วัดพระพุทธบาทตากผ้า
สุดยอดวัดแห่งป่าซาง
Location : บ้านพระบาท ต.มะกอก อ.ป่าซาง ห่างจากตัวเมืองลำพูน 22 กม.
จากอ.ป่าซาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 106 มุ่งลงใต้ไปทางอ.บ้านโฮ่ง 8.8 กม.จะเจอทางแยกด้านซ้ายมือ ให้ขับเข้าไปอีก 1 กม. จะเจอวัดอยู่ตรงหน้าพอดี แต่หากประสงค์จะขับรถขึ้นไปชมเจดีย์ 4 ครูบา แทนการเดินขึ้น ต้องเลี้ยวขวาบริเวณด้านหน้าวัด แล้วขับขึ้นเขาไปอีกประมาณ 2 กม.
ส่วนถ้าใครไม่มีรถส่วนตัวก็นั่งรถสองแถวสายลำพูน-ป่าซาง-บ้านโฮ่ง และขอลงบริเวณหน้าวัดแล้วเดินต่อก็ไม่ถือว่าลำบากเกินไป
วัดพระพุทธบาทตากผ้า ถือเป็นวัดเด่นวัดดังและมีความสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดลำพูน มีประวัติยาวนานย้อนไปไกลถึงสมัยพระนางจามเทวี ตามตำนานระบุว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับรอยพระบาท ณ ที่แห่งนี้ พระองค์ยังได้มาหยุดตากผ้ากาสาวพัสตร์ ณ ลานหินบริเวณนี้ จึงกลายมาเป็นชื่อเรียก วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตราบจนปัจจุบัน
ในสมัยพระนางจามเทวีเป็นผู้ครองเมืองหริภุญไชย พระนางมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงประสงค์ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ วันเวลาผ่านไปวัดพระพุทธบาทแห่งนี้ก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา จนปีพ.ศ. 2375 ครูบาในละแวกอำเภอ ได้ร่วมกันสร้างวิหารครอบมณฑปไว้อีกชั้นหนึ่ง จนกระทั่งปีพ.ศ. 2472 คณะสงฆ์ได้นิมนต์ครูบาศรีวิชัย มาเป็นองค์พระประธานก่อสร้างวิหารจัตุรมุขเพื่อครอบรอยพระพุทธบาทที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ของดีน่าชม?
รอยพระพุทธบาท มีสองรอย คือรอยใหญ่และรอยเล็ก รอยใหญ่นั้นมีความกว้าง 1 ม. ยาว 2 ม. ส่วนรอยเล็กกว้าง 50 ซม. ยาว 1 ม. มีบันไดสำหรับให้พุทธศาสนิกชนลงไปปิดทอง ทั้งสี่มุมของรอยพระพุทธบาทจะมีพระพุทธรูปประดิษฐาน พร้อมมีซุ้มปราสาทครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ทั้งหมดตั้งอยู่ในวิหารจัตุรมุข ประดับด้วยงานปูนปั้นและภาพเขียนสีฝีมือช่างยุคเก่าอีกชั้นหนึ่ง
รอยตากผ้า อยู่บนพื้นหินทางทิศตะวันออกของวิหารพระพุทธบาท ทั่วบริเวณมีการกั้นรั้วล้อมรอบรอยตารางที่คล้ายว่าเคยมีการนำจีวรมาตาก
พระธาตุเจดีย์สี่ครูบา อยู่บนยอดดอยเครือ ขึ้นชมได้ 2 วิธีคือ ขับรถอ้อมขึ้นโดยให้เลี้ยวขวาบริเวณทางแยกหน้าวัด หรือใครฟิตอยากเดินออกกำลังก็เดินขึ้นบันไดจากด้านล่างบริเวณข้างหลังวัดพระพุทธบาทขึ้นสู่ยอดได้เช่นกัน จำนวนขั้นก็ไม่เยอะเกินไปประมาณ 200 ขั้นเท่านั้น หากขับรถขึ้นไป จากที่จอดเดินขึ้นบันไดไปบริเวณลานด้านบนคุณจะสะดุดตากับสิ่งปลูกสร้างเด่นๆ 3-4 แห่ง มีศาลาซึ่งเป็นที่ตั้งของระฆังใบยักษ์ขวามือ
ถัดมาเป็นศาลาพระเจ้ากาวีละ โบสถ์ และไฮไลท์อย่างองค์พระธาตุเจดีย์สี่ครูบา มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์พระธาตุหริภุญชัย มีความสูง 30 ม. ตัวองค์เป็นสีทองเหลืองอร่ามโดดเด่นงดงาม ภายในเป็นสถูปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ครูบาศรีวิชัยได้รวบรวมไว้ รอบสถูปทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานรูปเหมือนครูบาสี่รูป คือ ครูบาเป็ง โพธิโก, ครูบาอินทจัก หรือพระสุธรรมยานเถระ, ครูบาพรหมจักร หรือสุพรหมยานเถระ และรูปสุดท้ายได้แก่ พระสุนทรคัมภีรยาน นอกจากนี้บริเวณลานด้านบนยังมีศาลาฝั่งทิศเหนือ และทิศตะวันตกซึ่งคุณยืนชมวิวดูทัศนียภาพของเมืองป่าซางได้อย่างกว้างไกล
หอศิลป์ สวนอุทยานธรรมะ
เยี่ยมบ้านศิลปิน ชมศิลปะร่วมสมัย
Location : บ้านป่าซางน้อย หมู่ 1 ต.บ้านแป้น อ.เมือง
จากตัวอ.ป่าซาง ให้ขับรถไปทางทิศใต้บนทางหลวงหมายเลข 106 เห็นตลาดป่าซางด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยเล็กข้างๆ ตลาด ตรงข้ามสะพานแล้วเลี้ยวขวาบริเวณสามแยกที่ 2 จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยถัดไปทันที จะพบหอศิลป์อยู่ฝั่งซ้ายมือพอดี
หากใครไม่สะดวกขับรถยนต์ส่วนตัว ก็เลือกนั่งรถสองแถวมาลงหน้าตลาด หรือหน้าวัดป่าซางงาม แล้วทำการว่าจ้างมอเตอร์ไซค์ให้ซิ่งเข้าไปส่งด้านในหอศิลป์ก็ได้
เปิดให้บริการทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. (หากประสงค์เข้าเยี่ยมชมในวันอื่นจำเป็นต้องติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ 053 521 609)
หอศิลป์ สวนอุทยานธรรมะ นอกจากเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยฝีมือระดับศิลปินแห่งชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือนที่พักของ คุณอินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ และ คุณเวนิเชีย วอล์กกี ศิลปินหญิงชาวอังกฤษ ซึ่งมีผลงานเด่นด้านงานบรอนซ์ ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์ศิลปะร่วมสมัยแล้ว ยังสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อกลาง
ภายในสวนอุทยานธรรมะ ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ต้นหญ้าน้อยใหญ่ทำให้ดูร่มรื่น แล้วยังแวดล้อมด้วยสวนลำไย ผลไม้ชื่อดังของเมืองลำพูน ในบริเวณสวนมีอาคารแสดงงานศิลปะอยู่สองหลังหลักๆ แยกเป็นหอศิลป์เล็ก และหอศิลป์ใหญ่ ภายในหอศิลป์ใหญ่ด้านหน้าอุทยานมีการจัดแสดงงานปติมากรรมของคุณอินสนธิ์ วงศ์สาม ซึ่งทั้งหมดนำเสนองานออกมาเป็นแบบนามธรรมเที่ยวเกี่ยวข้องกับพุทธปรัชญา งานชิ้นใหญ่สุดในหอศิลป์คือ น้ำพุแห่งปัญญา นอกจากนี้ยังมีงานปติมากรรมขนาดเล็กอีกมากมาย
ส่วนหอศิลป์เล็กซึ่งอยู่เยื้องไปด้านหลังของหอศิลป์ใหญ่ เป็นอาคารไม้สองชั้นด้านล่างเป็นที่จัดแสดงงานของ คุณเวนิเชีย วอล์กกี เป็นงานปติมากรรมบรอนซ์ขนาดเล็ก มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
ถัดไปด้านหลังของอุทยานเป็นที่ตั้งของอาคารไม้เก่าแก่ยกใต้ถุนสูงชื่อว่า บ้านป้าไฮ ตามประวัติความเป็นมาอาคารแห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มของการก่อกำเนินอุทยานแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความเงียบสงบล้อมรอบบ้านหลังนี้ ทำให้คุณอินสนธิ์ วงศ์สาม ตัดสินใจซื้อที่ผืนนี้ ปัจจุบันบ้านหลังนี้ให้เป็นที่เก็บและจัดแสดงเกี่ยวกับงานแกะสลักไม้ และภาพเขียนสีของคุณอินสนธิ์ วงศ์สาม
นอกจากนี้บริเวณสนามหญ้ารอบอุทยานเป็นที่จัดแสดงงานประติมากรรมขนาดค่อนข้างใหญ่นับสิบงานของคุณอินสนธิ์ วงศ์สาม โดยมีชื่อเรียกว่า ปติมากรรมใต้ท้องทะเล
สรุปได้ว่าหอศิลป์แห่งนี้แตกต่างจากหอศิลป์หลายๆ แห่งตรงที่เป็นทั้งสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ แล้วเป็นที่สร้างสรรค์งานศิลปะ และเก็บรวบรวมงานศิลปะเกือบทั้งหมดของคุณอินสนธิ์ วงศ์สาม ที่ยังไม่มีรายการจัดแสดงในสถานที่ต่างๆ อีกด้วย รับรองว่าหากคุณเป็นคนที่รักทั้งงานศิลปะและธรรมชาติคุณจะต้องประทับใจกับสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
วัดป่าเหียง
ชมหอไตรกลางน้ำ
Location : บ้านกองงาม ต.แม่แรง อ.ป่าซาง
จากอ.ป่าซาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1032 ตรงไปตามเส้นทาง ผ่านบ้านกองงาม 500 ม. วัดป่าเหียงจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ใกล้กับโรงเรียนบ้านกองงาม
วัดป่าเหียง เป็นวัดเล็กๆ มีจุดเด่นเป็นหอไตรกลางน้ำหนึ่งในสองแห่งของอ.ป่าซาง เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับโบราณสถาน ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2420 แต่ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งครูบาธรรมปัญโญมาบูรณะขึ้นใหม่
สำหรับหอไตรกลางน้ำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ของวัด ตั้งเด่นอยู่ในสระน้ำหลังวัดซึ่งโบกปูนล้อมกลายเป็นสระปูนขนาดไม่ใหญ่มาก หอไตรที่วัดแห่งนี้มีลักษณะและศิลปกรรมคล้ายหอไตรที่พบเห็นกันมากในภาคกลาง ตัวอาคารนั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง มีระเบียงล้อมรอบ ประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลักที่มีความประณีตบรรจงแบบฉบับช่างสมัยก่อน หลังคามีช่อฟ้าใบระกาแกะสลักด้วยไม้ ตกแต่งด้วยการปิดทองและประดับกระจกสีต่างๆ ด้วยความเก่าแต่และมีการผสมผสานศิลปะหลากหลายแขนงไว้ด้วยกัน จึงทำให้หอไตรกลางน้ำแห่งนี้ได้รับการขึ้นทำเบียนโดยกรมศิลปากรให้เป็นโบราณสถาน อีกทั้งยังได้รับการบูรณะในปีพ.ศ. 2530 อีกด้วย
หมู่บ้านหัตถกรรมบ้านหนองเงือก
ช้อปปิ้งงานฝีมือ
Location : บ้านหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง
จากอ.ป่าซาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 106 มุ่งหน้าลงใต้ไปทางเดียวกับอ.บ้านโฮ่ง 6 กม. จะมีทางแยกอยู่ขวามือให้เลี้ยวเข้าไปราว 1.5 กม.
เจอสามแยกบริเวณวัดดอนหลวงให้เลี้ยวซ้าย เข้าไปอีกประมาณ 1.30 กม. จะพบกับหมู่บ้าน
หมู่บ้านหนองเงือก เป็นหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่โต มีดีด้านงานหัตถกรรมแต่ก็มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นงานหลัก จะหยิบจับเอาเจ้างานหัตถกรรมมาประดิษฐ์ก็ต่อเมื่อว่างเว้นจากการทำงานประจำเท่านั้น บรรยากาศภายในหมู่บ้านดูเรียบง่าย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมเดินลัดเลาะไปตามถนนเล็กๆ ของหมู่บ้าน ซึ่งเรียงรายด้วยตึกรามบ้านช่องและอาคารเก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 50 ปี สร้างบรรยากาศแปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจมองทางไหนก็น่าถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
จุดประสงค์หลักของการมาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านแห่งนี้คือการช้อปปิ้ง ผลิตภัณฑ์ทำมือจากผ้าฝ้ายของชาวบ้านซึ่งประดิษฐ์ให้ดูกันสดๆ ตามแต่ละหลังคาเรือน โดยผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายเหล่านี้จะถูกออกแบบและประยุกต์ให้เป็นสินค้าในหลายรูปแบบ ยกตัวอย่าง เช่น นำมาตัดเย็บเป็นตุ๊กตา ตัดเย็บเป็นปลอกหมอนหนุน ปลอกหมอนข้าง กล่องใส่กระดาษทิชชู่ ผ้าเช็ดมือ พรมเช็ดเท้า เป็นต้น
สินค้าทั้งหมดที่กล่าวมาจะถูกส่งไปขายที่ตลาดป่าซาง ร้านค้าเล็กๆ ในอ.ป่าซาง กระทั่งร้านค้าใหญ่ๆ ในจ.เชียงใหม่ ซึ่งราคาก็จะถูกบวกกำไรขึ้นไปเป็นเท่าตัว ถ้าคุณเป็นนักช้อปตัวยงแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมสินค้าแฮนด์เมด พร้อมจับจ่ายช้ินงานสดๆ ราคาถูกๆ จากมือผู้ผลิตเอง
วัดสันกำแพง
ชมหอไตร สไตล์ล้านนา
Location : ต.มะกอก อ.ป่าซาง ห่างจากบ้านหนองเงือกไป 2 กม.
จากตัวอ.ป่าซางใช้ทางหลวงหมายเลข 106 มุ่งหน้าลงใต้ไปทางอ.บ้านโฮ่ง ประมาณกม.ที่ 6 จะเจอทางแยกขวาให้เลี้ยวแล้วขับเข้าไปอีก 1.5 กม. จากนั้นเจอสามแยกวัดดอนหลวงให้เลี้ยวซ้าย ขับต่ออีกไม่ไกล เลยร้านขายงานผ้าฝ้ายจะเจอสามแยกอีกครั้ง ให้คุณเลี้ยวซ้าย เลยวัดหนองเงือกไป 1 กม. จะเห็นวัดสันกำแพงอยู่ฝั่งซ้ายมือ
วัดสันกำแพง เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ และสนใจในงานสถาปัตยกรรม เพราะวัดแห่งนี้มีหอไตรทรงล้านนาแท้เก่าแก่ให้คุณได้ศึกษาพร้อมชมความงาม นอกจากคุณจะได้ชมหอไตรเก่าภายในวัดแล้ว ระหว่างการเดินทางจากตัวเมืองจนถึงบ้านหนองเงือก สองข้างทางบางช่วงยังมีวิวบ้านเก่าอยู่ 40 หลัง ให้คุณได้ชื่นชมอยู่เป็นระยะ
ส่วนตัวหอไตรล้านนา จุดเด่นประจำวัดสันกำแพงนั้น เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยไม้ทั้งหลัง ดูเป็นศิลปะแบบล้านนา ส่วนหลังคาประดิษฐ์และออกแบบให้ลดลงมาเป็นชั้นๆ อย่างสวยงามปราณีต กรอบหน้าจั่วเป็นตัวนาคซึ่งเป็นสัตว์มงคลที่พบมากได้ตามโบราณสถานหลายแห่งของอาณาจักรล้านนา นอกจากงานแกะสลักไม้ที่ดูวิจิตรบรรจงแล้ว บางจุดยังมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกสีทำให้ดูแล้วยิ่งสวยงามสดุดตามายิ่งขึ้น
สถานที่แห่งนี้พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงสำหรับท่านที่รัก ชอบ และสนใจในงานสถาปัตยกรรมโบราณ รวมถึงงานศิลปะแปลกตาแบบล้านนา จากช่างผู้ชำนาญในอดีต