น้ำหนาว เพชรบูรณ์

Trips เพชรบูรณ์

จุดชมวิวผาหงษ์ ชมพระอาทิตย์ขึ้นและวิวป่า

ขับรถเที่ยวตามทางหลวงหมายเลข 12

หลังจากทางหลวงหมายเลข 12 พาดผ่านขุนเขาช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเข้าสู่เขตจ.เพชรบูรณ์ โดยมีอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่เที่ยวยอดนิยมสำหรับนักนิยมไพร เป็นทริปเด็ดส่งท้ายของทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางหล่มสัก-ชุมแพ ซึ่งทางหลวงช่วงนี้จะกว้างกว่าช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก อยู่สักหน่อย แต่ถึงกระนั้นความงดงามของธรรมชาติสองข้างทางก็มิได้ลดน้อยถอยลงไป เพราะทิวทัศน์ของป่าใหญ่น้ำหนาวนั้นเป็นมนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การขับรถช่วงนี้เพลิดเพลินไปน้อย

ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงหล่มสัก-ชุมแพ

แม้ถนนหนทางช่วงนี้จะสะดวกสบาย แต่ก็อย่าประมาทในการขับขี่ เพราะเป็นทางขึ้นลงเขาที่ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะทางขึ้นลงเขาระยะยาว เติมน้ำมันเต็มถัง เพราะตลอดเส้นทางไม่มีปั๊มน้ำมันมาตรฐานให้บริการ และสังเกตข้างทางตลอดเวลา เพราะมักจะมีรถเสียจอดพักอยู่ รวมทั้งระวังสัตว์ป่าให้ดี

บางจุดจะมีป้ายเตือนไว้ เช่น อย่าบีบแตรหรือเปิดไฟไล่ช้าง ให้ทำตามอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญคืออย่าเก็บสัตว์ป่าหรือพืชจากอุทยานฯ ไว้บนรถด้วยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเจอกับด่านตรวจป่าไม้ถึง 2 ด่านด้วยกัน

ขนาดน้ำค้างยังหนาวจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ในเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่แบ่งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือออกจากกัน สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีความสูงตั้งแต่ 650-1,200 ม. จากระดับน้ำทะเล ยอดเขาสูงสุดคืภูด่านอีป้อง สูง 1,271 ม. ด้านบนยอดเขาส่วนใหญ่เป็นเนินเขายอดป้าน เหมาะแก่การเป็นชุดชมวิว นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของสภาพป่า ทั้งป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง สภาพอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน ช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ส่วนช่วงที่เหมาะท่องเที่ยวคือปลายฝน-ต้นหนา

เส้นทางสายธรรมชาติ

ความมหัศจรรย์ของเส้นทางนี้

  1. เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ทั้งน้ำตก ป่าสน จุดชมวิว ถ้ำหินงอกหินย้อย ฯลฯ
  2. เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวย่างเข้าสู่ฤดูร้อน บรรดาต้นไม้ทั้งหลายจะเริ่มผลัดใบเป็นป่าเปลี่ยนสีที่งดงามชวนให้มาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
  3. มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติของป่าเขาหลากหลายเส้นทาง ทั้งป่าสน ป่าดิบเขา และป่าดิบชื้น บางครั้งอาจพบเห็นสัตว์ป่าด้วย
  4. สำหรับนักดูนกทั้งหลาย นี่คือสวรรค์ย่อมๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเส้นทางนี้เต็มไปด้วยนกชนิดต่างๆ ให้ดูกันไม่หวาดไม่ไหว
  5. มีจุดชมวิวที่สามารถจอดรถเดินเท้าขึ้นไปชมได้อย่างสบาย
สะพานพ่อขุนผาเมือง

สะพานพ่อขุนผาเมือง
Location กม.ที่ 18-19 ของทางหลวงหมายเลข 12
เดิมชื่อสะพานห้วยตอง เป็นเส้นทางที่ผ่านไปยังอุทยานฯน้ำหนาว เป็นสะพานคอนกรีตที่มีตอม่อเสริมเหล็กที่สูงถึง 50 ม. เรียกได้ว่าสูงที่สุดในเมืองไทย ทำหน้าที่เป็นประตูสู่อีสานและประตูสู่ภาคเหนือในคราวเดียวกัน เพราะเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าด้วยกัน มีระยะทาง 103.4 กม. ใช้เวลาก่อสร้างรวม 6 ปี เป็นทางมาตรฐานลาดยางตลอดทั้งเส้นทาง เป็นจุดที่ใครมาเยือนแล้วไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ผาแดง เห็นวิว เห็นทางหลวง 12 ตัดผ่านป่าใหญ่

ผาแดง
Location ตั้งอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง กม.ที่ 23 ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) ข้ามสะพานพ่อขุนผาเมือง ตรงไปประมาณ 4 กม. จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ตรงไปอีกราว 3 กม.

หน้าผาที่มีลักษณะคล้ายกับผาหล่มสัก บนยอดภูกระดึง คือมีลักษณะเด่นเป็นชะง่อนหินยื่นออกไปในอากาศ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 746 ม. เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูทิวทัศน์ของป่าเปลี่ยนสีของเขตเทือกเขาน้ำหนาวในช่วงต้นฤดูหนาว เมื่อมองจากด้านบนหน้าผาจะเห็นผืนป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดงได้โดยรอบ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยด้วย

จุดชมวิวผาหงษ์

จุดชมวิวถ้ำผาหงษ์
Location กม.ที่ 39 ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) เมื่อถึง กม.ที่ 39 จอดรถริมทางแล้วเดินเท้าไปประมาณ 300 ม.
เมื่อเดินเข้ามาจะเจอถ้ำผาหงษ์ เป็นถ้ำขนาดเล็กที่ภายในเป็นซอกหลืบแคบๆ แต่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม เป็นถิ่นอยู่อาศัยของค้างคาวมงกุฎมาร์แชล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์หาชมยากและใกล้สูญพันธุ์ จากถ้ำผาหงษ์จะมีทางเดินเท้าขึ้นเขาไปประมาณ 200 ม. เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวผาหงส์ มีลักษณะเป็นยอดเขาสูง มีชะง่อนหินค่อนข้างคม นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์จากด้านบนได้อย่างเต็มตา

ป่าสนขนาดใหญ่

สวนสนดงแปก
Location กม.ที่ 49 อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) เมื่อถึง กม.ที่ 49 จะมีเส้นทางเดินเท้าสำหรับเข้าชมสวนสนดงแปก
เส้นทางเดินเท้าระยะทาง 5 กม. เพื่อชมธรรมชาติอันร่มรื่นของผืนป่าอันหลากหลาย ช่วงแรกจะผ่านป่าดิบเขาและป่าดิบชื้น แต่พอเข้าไปลึกๆ จะเจอป่าสนสองใบขึ้นเต็มไปหมด ระหว่างทางอาจพบเห็นสัตว์ป่าและนกนานาชนิด รับรองว่าถูกใจคนที่ชอบส่องกล้องดูนกเป็นอย่างมาก ลักษณะเส้นทางเป็นทางสบายๆ เดินไม่ยาก ควรมาช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ที่กล้วยไม้ป่ากำลังเบ่งบาน และอย่าลืมเตรียมอาหารและน้ำดื่มพกติดตัวไปเผื่อปิกนิกระหว่างทางด้วย

ภูกุ่มข้าว

ภูกุ่มข้าว
Location กม.ที่ 53 ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) เมื่อถึง กม.ที่ 53 จะมีแยกทางซ้ายมือเป็นทางถนนลูกรัง ตรงเข้าไปประมาณ 15 กม.
เป็นเนินเขาเตี้ยๆ ที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 880 ม. ตลอดพื้นที่กว่า 110 ตร.กม. เต็มไปด้วยป่าสนสามใบจนแทบไม่มีต้นไม้อื่นเลยนอกจากหญ้าคาและหญ้าเพ็ก ต้นสนที่นี่มีความสูงประมาณ 30-40 ม. เมื่อขึ้นไปบนยอดของภูกุ่มข้าวจะมองเห็นทัศนียภาพของแนวต้นสนที่เรียงยาวเป็นแถวติดกันทั้ง 4 ทิศ หากเป็นวันฟ้าเปิดจะสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ ที่อยู่ทางทิศใต้ได้อย่างชัดเจน

น้ำตกเหวทราย

น้ำตกเหวทราย
Location กม.ที่ 67 ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) เมื่อถึง กม.ที่ 67 ให้จอดรถแล้วเดินเข้าไปตามทางชมน้ำตกประมาณ 1 กม. ก็จะถึงตัวน้ำตกเหวทราย
น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีผาน้ำตกสูงถึง 20 ม. ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยสนามทราย ลำธารธรรมชาติที่แบ่งเขตระหว่าง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ กับ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ น้ำตกแห่งนี้ถือเป็นไฮไลท์การเที่ยวน้ำตกของอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเลย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ลงเล่นน้ำบริเวณแอ่งน้ำใต้น้ำตกได้ แต่ถ้าใครอยากชมความงามแบบเต็มอิ่ม ให้มาช่วงปลายฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมาก บริเวณใต้ชะง่อนหินที่ยื่นออกมาเป็นเพิงสำหรับหลบฝนได้ด้วย

น้ำตกตาดพรานบา

ใครที่มีเวลามากหน่อย และพอมีเรี่ยวมีแรง ยังมีทริปพิชิตน้ำตกสวยๆ อีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกตาดพรานบา น้ำตกตาดหมอก น้ำตกตาดใหญ่ ฯลฯ สนใจติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯสำหรับการนำทาง

น้ำตกตาดหมอก
น้ำตกตาดใหญ่

ภายในอุทยานฯ มีบริการบ้านพัก แบ่งเป็นโซนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และโซนที่ทำการอุทยานฯ นอกจากนี้ยังมีค่ายเยาวชน แยกชาย-หญิง พร้อมห้องน้ำแยก และลานกางเต็นท์ในโซนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร มีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงอาหาร คอยให้บริการในเขตอุทยานฯ

แค้มปิ้งสักคืนมั้ย?