อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
อ่าวนุ่น และเกาะลิดี นับเป็นทริปเที่ยวใกล้ฝั่งมากที่สุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา แต่ความงดงามนั้นไม่ได้น้อยหน้าหมู่เกาะชื่อดังอื่นๆ ของอุทยานฯเลยทีเดียว รายการเที่ยวนี้จะเริ่มต้นกันที่อ่าวนุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ จากนั้นจะนั่งเรือข้ามไปเที่ยวเกาะลิดีกันต่อ แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่กลับเป็นเกาะที่มีธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศเงียบสงบน่าพักผ่อน และยังเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์ทะเลด้วย
Location อ่าวนุ่น ตั้งอยู่ต.ปากน้ำ อ.ละงู ห่างจากท่าเรือปากบารา 2 กม. ส่วนเกาะลิดี อยู่ทางทิศตะวันตกของอ่าวนุ่น ระยะทางห่างประมาณ 5 กม.
อ่าวนุ่น อยู่ห่างจากอ.ละงู 7 กม. ก่อนถึงท่าเรือปากบารา 3 กม. จากตัวเมืองสตูลใช้ทางหลวงหมายเลข 416 บริเวณกม.ที่ 6-7 แยกซ้ายเข้าไป 1.4 กม. จะพบอ่าวนุ่น ห่างจากตัวเมือง 56 กม.
สำหรับเกาะลิดี เหมาเรือหางยาวได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้ที่อ่าวนุ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที หากค้างแรมบนเกาะ และนัดให้มารับก็ได้เช่นกัน
อ่าวนุ่น เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ภายในมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว คอยให้คำแนะนำการเดินทาง การค้างแรมบนเกาะต่างๆ การหาเรือเช่า นอกจากนี้ยังมีบ้านพัก ร้านอาหาร และลานกางเต็นท์ให้บริการด้วยสำหรับเกาะลิดี มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ เต็นท์ เรือคายักให้เช่าบริเวณอ่าวลำพู แต่บนเกาะไม่มีร้านอาหารให้บริการ นักท่องเที่ยวต้องนำติดตัวไปเอง
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
นอกจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาแล้ว ในน่านน้ำทะเลสตูลยังมีอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอีกแห่งคือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ซึ่งพื้นที่ในความดูแลจะครอบคลุมเกาะน้อยใหญ่ใกล้ฝั่งตั้งแต่น่านน้ำจ.ตรัง มาจนถึงทะเลสตูล
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา มีพื้นที่ครอบคลุมอันหลากหลาย เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชายฝั่งทะเลในเขตต.ปากน้ำ อ.ละงู ต.ขอนคลาน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล และต.สุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ส่วนในทะเลจะครอบคลุมพื้นที่ตามเกาะต่างๆ หลายแห่ง เช่น เกาะเภตรา เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะลิดี เกาะหลาวเหลียง เกาะเปรามะ และเกาะบุโหลน รวมพื้นที่ทั้งบนฝั่ง และในทะเลจะมีพื้นที่ถึง 308,987 ไร่
สำหรับที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวนุ่น จังหวัดสตูล ก่อนถึงท่าเรือปากบารา 2 กม. นักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนค้างแรมก่อนข้ามไปเที่ยวชมเกาะอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย มีเกาะลิดีเป็นเกาะใกล้ฝั่งมากที่สุด จากอ่าวนุ่น นั่งเรือหางยาวข้ามไปเที่ยวได้ไม่ยาก ส่วนใครอยากไปเที่ยวชมเกาะบุโหลน ใช้บริการเรือโดยสารได้ที่ท่าเรือปากบารา ซึ่งตั้งอยู่ไมไกลจากอ่าวนุ่น
อ่าวนุ่น
พักบ้านริมหาด บรรยากาศอุทยานฯ
Location ต.ปากน้ำ อ.ละงู ห่างจากท่าเรือปากบารา 2 กม.
จากตัวเมืองสตูลใช้ทางหลวงหมายเลข 416 บริเวณหลักกม.ที่ 6-7 แยกซ้ายเข้าไป 1.4 กม. จะพบอ่าวนุ่น ห่างจากตัวเมือง56 กม. และห่างจากอ.ละงู 7 กม.
บริเวณอ่าวนุ่นเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องแถว บ้านพัก บังกะโล ร้านอาหาร และลานกางเต็นท์ให้บริการ รวมถึงเรือหางยาวเหมาไปเที่ยวเกาะลิดี
อ่าวนุ่น ตั้งอยู่ต.ปากน้ำ อ.ละงู ห่างจากตัวเมืองสตูล 56 กม.และเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เมื่อเดินทางมาถึงอ่าวนุ่นส่วนใหญ่จะนิยมพักผ่อนเอาแรงในที่ทำการอุทยานฯ บริเวณอ่าวนุ่นกันก่อนสักหนึ่งคืน จากนั้นรุ่งขึ้นค่อยไปเที่ยวเกาะลิดีแบบ Day Tour หรือค้างแรมบนเกาะสักคืนก็ได้เช่นกัน
แม้อ่าวนุ่นจะเป็นชายหาดริมฝั่ง แต่ชายหาดของอ่าวนุ่นก็นับเป็นหาดทรายที่มีความงดงามไม่แพ้ชายหาดบนเกาะเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปถึงภายในอ่าวนุ่นคุณจะพบโค้งอ่าวอันสวยงาม โอบด้วยภูเขาทั้งด้านซ้ายขวา หาดทรายสวย น้ำทะเลใสสะอาด สามารถพักผ่อนเล่นน้ำได้เป็นอย่างดี หากมองออกไปเบื้องหน้าจะเห็นเกาะลิดีอยู่ไม่ไกล ส่วนยามเย็นบริเวณอ่าวนุ่นยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันงดงามอีกด้วย
ด้านหลังอ่าวนุ่นแห่งนี้ยังมีบ้านพัก ร้านอาหาร และลานกางเต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดวัน หลังพักผ่อนบนอ่าวนุ่นจนอิ่มใจแล้ว หากอยากข้ามไปเที่ยวเกาะลิดี จากอ่าวนุ่นมีเรือหางยาวให้เหมาไปเที่ยวทั้งในแบบช้ากลับเย็น และค้างแรมบนเกาะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยเรือจะเทียบท่าบริเวณท่าเรือฝั่งตะวันออกของเกาะ
เกาะลิดี
แม้จะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็ก และใกล้ฝั่งมากที่สุดของ 22 เกาะที่อยู่ในเขตอุทยานฯ แต่ในด้านธรรมชาตินั่น เกาะลิดีนับเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันหลากหลายที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ชายหาด ภูเขา ป่าดงดิบ ป่าชายหาด ป่าชายเลน และแหล่งหญ้าทะเล แถมยังมีบรรยากาศเงียบสงบ บนเกาะจึงเหมาะสำหรับค้างแรมแบบแค้มปิ้งยิ่งนัก
Location ทางทิศตะวันตกของอ่าวนุ่น ระยะทางห่าง 5 กม.
เหมาเรือหางยาวได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้ที่อ่าวนุ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
เกาะลิดี มีบ้านพักแบบห้องแถวให้บริการ อยู่ระหว่างกลางเกาะ และลานกางเต็นท์ ส่วนเต็นท์นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง สำหรับร้านอาหารไม่มีให้บริการ ต้องนำติดตัวไปเอง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าได้ที่บนฝั่งอ่าวนุ่น
เกาะลิดี ประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆ 2 เกาะ อยู่ห่างจากกันเพียง 300 ม. และมีร่องน้ำคั่นระหว่างกัน ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นเกาะหินปูนเรียกว่า เกาะลิดีเล็ก ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนก ไม่อนุญาตให้ขึ้น ส่วนเกาะลิดีใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่ามองเห็นได้ชัดเจน และเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯ ชายหาดบนเกาะจึงขึ้นไปพักผ่อนเล่นน้ำได้อย่างสบายๆ
อ่าวลำพู
อ่าวลำพู หรือเรียกกันว่าอ่าวปาด ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ อ่าวนี้มีต้นลำพูขึ้นอยู่บนจำนวนมากจึงเป็นชื่อที่มาของอ่าวลำพู ส่วนหาดทรายมีลักษณะสีขาวอมเหลืองทอดยาว 300 ม. ลงเล่นน้ำได้ ในช่วงน้ำทะเลลดลงอ่าวนี้จะปรากฏปะการังโผล่ขึ้นมาให้ชมเป็นจำนวนมาก ทั้งปะการังสมอง แนวหิน และดอกไม้ทะเล นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันงดงามอีกรูปแบบหนึ่งของเกาะลิดีแห่งนี้
จุดชมวิวแหลมหว้าหิน /พะยูน
จุดชมวิวแห่งนี้เดินมาชมได้จากอ่าวลำพู เป็นเส้นทางธรรมชาติผ่านกองหินน้อยใหญ่มากมายระยะทาง 570 ม.สุดทางจะพบแหลมหว้าหิน แหลมนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ นับเป็นจุดชมวิวอันงดงาม ชมวิวทะเล เกาะตะรุเตา เกาะเล็กเกาะน้อยใกล้เคียง ในอดีตยังเคยจุดพบพะยูนของน่านน้ำทะเลสตูลด้วย
อ่าวมะพร้าว
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ห่างจากอ่าวลำพูน 100 ม. มีทางเดินกว้างให้เดินไปเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบาย เป็นหาดทรายยาว 250 ม. ส่วนใหญ่ไม่นิยมเล่นน้ำ แต่นิยมมาชมวิวทะเลกันมากกว่า บริเวณสุดหาดจะเป็นหาดหิน มีแนวหินสวยๆ ให้ชมอย่างแปลกตา และไม่ไกลจากอ่าวมะพร้าวยังเป็นแหล่งที่มีแนวหญ้าทะเลอาหารของเหล่าพะยูนขึ้นเป็นจำนวนมากด้วย
ชมพระอาทิตย์ตก
เกาะลิดี นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามอีกแห่งของทะเลสตูล ใครขึ้นมาค้างแรมก็มักจะไม่พลาดไปเที่ยวชมกัน บนเกาะ เดินไปเที่ยวชมได้เพียงจุดเดียว ได้แก่ บริเวณแหลมหว้าหิน จากอ่าวลำพูสามารถเดินไปเที่ยวชมได้ไม่ยาก ยามเย็นวิวพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยงามที่สุด มองเห็นเกาะตะรุเตา และเกาะอื่นๆ ได้ด้วย หากคิดจะมาเที่ยวชม ขามาต้องไม่ลืมนำไฟฉายติดตัวมาด้วย เพราะขากลับจะเป็นเส้นทางมืดสนิท
หญ้าทะเล สำคัญไฉน
เกาะลิดี นับเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันหลากหลายทั้งบนบก และทางทะเล โดยเฉพาะหญ้าทะเลนั้นพบได้เป็นจำนวนมากทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลิดี ในอดีตเกาะลิดีแห่งนี้จึงเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพะยูนเป็นจำนวนมากไม่แพ้กับทางฝั่งทะเลตรัง ในปัจจุบันแม้จะหาพะยูนชมได้ยากแล้ว แต่หญ้าทะเลก็ยังคงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอยู่เช่นเดิม
หญ้าทะเล (Sea Grass) เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และเป็นกลุ่มพืชใต้น้ำที่มีการปรับตัวให้อยู่ในทะเลได้อย่างสมบูรณ์ ลักษณะทั่วไปคล้ายกับหญ้าบก คือ มีราก ลำต้น และใบ สืบพันธุ์โดยอาศัยเพศ สามารถสร้างดอก ผล และใบใต้น้ำได้ดีโดยจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณเขตน้ำตื้นชายฝั่งที่มีคลื่นลมสงบ หญ้าทะเลพบเห็นได้ทั่วโลก ปัจจุบันถุกค้นพบประมาณ 50-60 ชนิด สำหรับในประเทศไทยพบหญ้าทะเลทั้งสิ้น 12 ชนิด โดยพบทางฝั่งอ่าวไทย 12 ชนิด และพบทางฝั่งอันดามัน 11 ชนิด
ความสำคัญของหญ้าทะเลนอกจากจะเป็นแหล่งอาหาร แหล่งผสมพันธุ์ เป็นที่พักอาศัย และเป็นที่หลบซ่อนของเหล่าสัตว์ทะเลแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างของหญ้าทะเล คือ ช่วยลดความรุนแรงของกระแสน้ำที่พัดเข้าสู่ฝั่ง ทำให้อัตราการพังทลายของชายฝั่งลดลง รวมทั้งช่วยให้เกิดสภาพน้ำนิ่งทำให้อินทรีย์วัตถุ และดินตกตะกอน เกิดการหมุนเวียนและสะสมแร่ธาตุต่างๆ ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทางทะเลมากมาย
แหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ของประเทศไทย อยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเลของจ.ตรัง และในบริเวณหมู่เกาะในน่านน้ำทะเลของจังหวัดสตูลนี้เอง
