เที่ยววัดโสธรฯ อร่อยในตลาดน้ำ
ทริปนี้เป็นรายการขับรถเที่ยวใกล้กรุง ที่ให้คุณสัมผัสกับความงดงามของวัดโสธรชื่อดัง สนุกสนานกับการนั่งเรือชมแม่น้ำบางปะกงชื่นชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำ เที่ยวตลาดบ้านใหม่อายุร้อยกว่าปี ต่อเนื่องด้วยการไปเที่ยวตลาดน้ำบางคล้า และปิดท้ายด้วยการไปชมค้างคาวแม่ไก่ที่วัดโพธิ์ เที่ยวสบายๆ มีเวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน ก็เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว
Day 1
จากกรุงเทพฯ มาอ.เมืองฉะเชิงเทราได้หลายเส้นทาง แต่ไม่ว่าจะมาจากทางไหน คุณก็ต้องผ่านเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทราก่อน ซึ่งถนนท่องเที่ยวในตัวเมืองสายหลักก็มีอยู่เพียง 2 สายคือ ทางหลวงหมายเลข 314 เที่ยวได้เกือบครบตั้งแต่ตลาดคลองสวน-บางเตย รวมถึงเส้นทางฉะเชิงเทรา-บางปะกง อีกเส้นทางหนึ่งคือทางหลวงหมายเลข 304 ที่จะมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 314 หากคุณเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 75 กม. ทางหลวงหมายเลข 304 ยังเป็นเส้นทางจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา-อ.บางคล้า ที่เที่ยวที่สุดท้ายที่อยู่ห่างจากตัวเมืองแต่ล้นเสน่ห์ ที่ตลาดน้ำบางคล้า
จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 กรุงเทพฯ – มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 75 กม.
จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 34 บางนา – ตราด จากนั้นเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 314 บางปะกง–ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 90 กม.
จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3 สมุทรปราการ-บางปะกง จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 314 บางปะกง–ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 100 กม.
เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ ฯ–พัทยา จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 314 บางปะกง–ฉะเชิงเทรา ขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา
ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหนใน 4 เส้นทางนี้จากกรุงเทพฯ จะต้องเข้ามาในตัวเมืองฉะเชิงเทราก่อน บนทางหลวงหมายเลข 314 ที่เที่ยวแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสำหรับการขับรถมาเที่ยวเมืองฉะเชิงเทรา นั่นก็คือ วัดโสธรวรารามวรวิหารตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมแม่น้ำบางปะกง เดิมเคยชื่อว่า วัดหงษ์ นับเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นสถานที่ประดิษฐาน หลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปคู่เมืองของชาวฉะเชิงเทรา ลักษณะเป็นรูปปั้นปางสมาธิ กว้าง 1.65 ม. สูง 1.48 ม. โดยฝีมือช่างชาวล้านช้าง โดยมีตำนานเล่าสืบกันมาว่าได้ลอยน้ำมาและถูกอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดโสธรแห่งนี้
นอกจากหลวงพ่อโสธร พระอุโบสถหลังใหม่ ยังนับเป็นสถาปัตยกรรมอันสวยงามโดดเด่น ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยที่ออกแบบพิเศษ หลังคาประกอบเครื่องยอดชนิดยอดทรงมณฑปแบบไทย ต่อเชื่อมด้วยวิหารทั้งด้านหน้าและ ด้านหลัง ด้านข้างต่อเชื่อมด้วยอาคารรูปทรงเดียวกับพระวิหารเป็นอาคารมุขเด็จ จึงมีลักษณะเป็นอาคารมีหลังคาแบบจตุรมุขอย่างปราสาทไทย โดยรวมกว้าง 44.5 ม. ยาว 123.50 ม. ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปสูง 85 ม. ยอดมณฑปมีลักษณะเป็นฉัตร 5 ชั้น มีความสูง 4.90 ม. ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนัก 77 กก. มูลค่า 44 ล้านบาท ผนังด้านนอกพระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ส่วนผนังด้านในเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังให้ชมด้วย
หลังจากชมความงดงามของวัดโสธรวรารามวรวิหารเป็นที่เรียบร้อย บริเวณศาลาริมน้ำด้านในวัดยังเป็นจุดจำหน่ายตั๋วสำหรับ เรือเที่ยวชมแม่น้ำบางปะกง ตลอดสองฝั่งแม่น้ำคุณจะได้ชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่) ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กม.เป็นวัดจีนในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ขยายมาจากวัดเล่งเน่ยยี่ในกรุงเทพฯ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2443 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เพื่อเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ได้ทรงพระราชทานนามวัดว่า วัดจีนประชาสโมสร ตามหลักฮวงจุ้ยจีนกล่าวว่า วัดนี้ถือเป็นตำแหน่งท้องมังกร ส่วนตำแหน่งหัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพฯ และหางมังกรนั้นอยู่ที่วัดเล่งฮัวยี่ จันทบุรี ทั้งสามตำแหน่งของมังกรพาดผ่านดินแดนของความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์
ภายในวัดจีนประชาสโมสรมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท้าวจัตุโลกบาลขนาดใหญ่ 4 องค์ทำจากกระดาษที่ประตูทางเข้า พระประธาน 3 องค์และองค์ 18 อรหันต์ ทำด้วยกระดาษนำมาจากเมืองจีน รูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่เซ่งเอี้ย) ที่อยู่ด้านขวาขององค์พระประธานและยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ตามคติจีน และระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 1 ใบของโลกที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตรถือกันว่าผู้ได้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล
ล่องเรือต่อไปจนถึงบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดคุณจะพบ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฉะเชิงเทรา เนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ เป็นสวนสาธารณะที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางสวน เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยร.3 เพื่อป้องกันการรุกรานศัตรูจากที่ต่างๆ ต่อมาในสมัยร.5 ใช้เป็นที่ตั้งมั่นกองทัพในการปราบกบฏอั้งยี่
บริเวณหน้าป้อมจัดเป็นสวนสาธารณะสามารถชมทิวทัศน์แม่น้ำบางปะกงได้สวยงาม และมีปืนใหญ่ตั้งอยู่ตามกำแพงเมือง ใกล้กันจะพบ ศาลหลักเมืองฉะเชิงเทรา ภายในศาลมีเสาหลักเมือง 2 เสา เสาหนึ่งเป็นเสาหลักเมืองเก่าสร้างเมื่อพ.ศ. 2377 สมัยร.ที่ 3 อีกเสาหนึ่งเป็นเสาหลักเมืองปัจจุบันสร้างเมื่อพ.ศ. 2438 สมัยร.5 นอกจากนั้นยังมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอยู่ในบริเวณเดียวกัน เปิดให้เข้าชมเวลา 07.00 – 17.00 น. ทุกวัน
บนเส้นทางล่องเรือไม่ไกลจากวัดโสธร จะผ่าน ตลาดบ้านใหม่ ตลาดริมน้ำร้อยปี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดชม แต่คงต้องใช้เวลาในการเดินชมนาน ไว้เป็นโปรแกรมเที่ยวสำหรับวันพรุ่งนี้จะดีกว่า
ใช้เวลาล่องเรือไปกลับประมาณ 2 ชม.จากนั้นเดินทางย้อนกลับเข้ามาในตัวเมืองมีสถานที่พักสวยมากมายหลากบรรยากาศแต่ถ้าคุณอยากนอนชมวิวแม่น้ำบางปะกงแบบใกล้ชิด ตัวเมืองฉะเชิงเทรา หรือบนถนนสายฉะเชิงเทรา-บางปะกง ก็มีรีสอร์ต สวยริมแม่น้ำให้บริการอยู่หลายแห่งให้คุณเลือกได้ตามใจชอบ และแทบทุกรีสอร์ตริมแม่น้ำจะมีเรือนำเที่ยวพาคุณชมความงามของแม่น้ำบางปะกงบริการคุณด้วย
Day 2
ไม่ว่าคุณจะพักที่รีสอร์ตไหนในตัวเมืองฉะเชิงเทรา ก็สามารถขับรถหรือล่องเรือไปเที่ยว ตลาดน้ำบ้านใหม่ หรือ ตลาดริมน้ำร้อยปี ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ ทางไปอ.บางน้ำเปรี้ยว เส้นทางเดียวกับการไปเที่ยววัดโสธรวราราม
เป็นตลาดโบราณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงอายุกว่า 100 ปีสร้างในสมัยร. 5 ในอดีตเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าสำคัญของจ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันก็ยังคงเป็นตลาดที่มีความสำคัญทั้งในด้านการค้าขาย และการท่องเที่ยว และยังมีจุดเด่นที่อาคารบ้านเรือนที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ได้อย่างสวยงาม รวมถึงวิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ริมแม่น้ำเก่าแก่
ในตลาดจะมีสินค้าต่างๆ จำหน่ายทั้งอาหาร ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด กาแฟโบราณ เครื่องดื่มโบราณ สมุนไพร ขนมทั้งไทย จีน ของเล่นโบราณ ของฝากของที่ระลึกต่างๆ เปิดขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.
ใกล้กับบริเวณตลาดบ้านใหม่ ยังมีวัดสวยให้คุณชมก่อนที่จะไปเที่ยวอำเภอบางคล้า นั่นก็คือ วัดอุภัยภาติการาม หรือ วัดซำปอกง เดิมเป็นวัดจีนแต่ปัจจุบันแปรสภาพเป็นวัดญวนในลัทธิมหายาน เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต พระไตรรัตนนายก หรือที่ชาวจีนเรียกว่า เจ้าพ่อซำปอกง ในประเทศไทยมีเพียง 3 องค์เท่านั้นคือที่นี่ ที่วัดกัลยาณมิตร (ฝั่งธนบุรี) จังหวัดกรุงเทพฯ และที่วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังจากช้อปปิ้งและกินอาหารอร่อยที่ตลาดน้ำบ้านใหม่กันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาขับรถย้อนกลับมาที่ตัวเมืองฉะเชิงเทรา ที่นี่ยังมีตลาดน้ำน่าเที่ยวอยู่อีกแห่ง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 304 เมืองฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม เมื่อถึงกม.ที่ 17 ให้เลี้ยวซ้าย เข้าสู่อ.บางคล้า ระหว่างทางไปตลาดน้ำบางคล้า คุณยังสามารถแวะไปชม เขื่อนทดน้ำบางปะกง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำบางปะกง เป็นเขื่อนป้องกันน้ำเค็มเพื่อใช้อุปโภคและบริโภค ที่นี่มีวิวทิวทัศน์ของเขื่อนและแม่น้ำบางปะกงสวยงาม
ตลาดน้ำบางคล้า นั้นมีเสน่ห์ต่างจากตลาดน้ำบ้านใหม่ ตรงที่มีลักษณะมีลักษณะเป็นโป๊ะที่ยื่นลงสู่แม่น้ำบางปะกง พ่อค้าแม่ค้าจะพายเรือมาขายสินค้ากัน เป็นเสน่ห์ของตลาดน้ำที่แตกต่างจากตลาดบ้านใหม่ มีสินค้ามากมายที่ผสมผสานระหว่างสินค้าในอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำยังมีบริการนวดเพื่อสุขภาพ มีอาหารและขนมไทย รวมถึงงานประดิษฐ์ของที่ระลึกจากฝีมือชาวบ้านให้คุณเลือกซื้อเลือกชิม ตลาดน้ำบางคล้ายังโดดเด่นในเรื่องทิวทัศน์ที่สวยงามริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าชายเลนที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลา พันธุ์ไม้ต่างๆ
คุณจะเห็นภาพชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำดักลอบปลา พายเรือจับปลา และจับกุ้งเป็นภาพที่น่าดูชมมาก
แม่น้ำบางประกง
เป็นแม่น้ำสายสำคัญในจ.ปราจีนบุรี และจ.ฉะเชิงเทรา มีความยาวประมาณ 230 กม.และมีความกว้างในช่วงที่ไหลผ่านเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 100 ม.แม่น้ำบางปะกง มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำนครนายก และแม่น้ำปราจีนบุรี ไหลมาบรรจบกันบริเวณ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี มีความยาวตลอดลำแม่น้ำ 122 กม. ช่วงที่ไหลผ่านจ.ปราจีนบุรี เรียกว่า แม่น้ำปราจีนบุรี ช่วงที่ไหลผ่านจ.ฉะเชิงเทรา เรียกว่า แม่น้ำบางปะกง และจะไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทยที่บริเวณต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา