ขับรถเที่ยว ล่องเรือยาง จันทบุรี

ชมน้ำตกเขาสอยดาว แล้วไปล่องเรือยางคลองโป่งน้ำร้อน

เขาสอยดาว เป็นที่นิยมของนักท่องป่ามานาน เยาวชนใช้เป็นที่ศึกษาธรรมชาติ นักดูนก ผีเสื้อ ตื่นตาทุกครั้งที่มาเยือน คนทั่วไปชอบขับรถมาปิกนิกแค้มปิ้งใต้ธรรมชาติ และเที่ยว ตลาดชายแดนบ้านผักกาด, บ้านแหลม นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางขับรถต่อเนื่องเที่ยวอ.โป่งน้ำร้อน ที่นี่มีกิจกรรม ล่องแก่งเรือยางคลองโป่งน้ำร้อน ให้คุณเที่ยวต่อได้อย่างสนุกสนานได้ทุกฤดูฝน

หากคุณไม่อยากขับรถเอง จันทบุรีก็มีรถเช่าที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองนั่นคือรสมาสด้า คันกระทัดรัด นั่งรับชมวิวได้รอบด้าน ที่สำคัญไม่ต้องกลัวหลงเพราะเขามีคนขับพร้อมนำคุณท่องธรรมชาติได้อย่างสนุกสนาน

Day 1

เส้นทางขับรถเที่ยวชายแดนจันท์นั้นล้นเสน่ห์ เที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย แม้จะเป็นส้นทางขับรถระยะไกลจากตัวเมือง 70 กม. แต่ตลอดเส้นทางมีธรรมชาติ วิถีชีวิตและกิจกรรมให้คณะขับรถเที่ยวได้เลือกเที่ยว เลือกทำกันอย่างสนุกสนาน จากอ.เมืองจันทบุรี  

Location จากอ.เมืองจันทบุรี ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 317 (จันทบุรี-สระแก้ว) ผ่าน มะขาม โป่งน้ำร้อน ถึงกม.ที่ 62 ก่อนถึงตลาดปะตง จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวอีก 6 กม. เป็นถนนลาดยางอย่างดี รถเก๋งก็ขับเที่ยวได้แต่อาจจะต้องขับช้าๆ เพื่อถนอมรถ ถ้าคุณมีรถกระบะมาเที่ยวก็หายห่วง ขับรถกินลมชมวิวได้จนถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว  

หลังจากเดินทางมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ในวันแรกหลังจากขอกุญแจบ้านพักฯ จากเจ้าหน้าที่ และเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เวลาที่เหลือยังพอสำหรับการเดินเที่ยวชม น้ำตกเขาสอยดาว เป็นน้ำตกที่มีสายน้ำไหลมาจากเขาสอยดาวเหนือลดหลั่นตามแนวผาหิน และหน้าผาสูงชันกลายเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามให้เดินเที่ยวชมได้ถึง 16 ชั้น

จากริมลำธารหรือจุดเริ่มต้นไปเที่ยวชมน้ำตกเขาสอยดาว ชั้น 1-10 เดินเที่ยวชมได้ด้วยตัวเอง ส่วนเส้นทางชมน้ำตกตั้งแต่ชั้น 11-16 ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัย ตั้งแต่ชั้น 1-10 จะมีทางเดินเท้าเล็กๆ เลียบลำธารขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ บางช่วงอาจต้องอาศัยความระมัดระวัง เพราะต้องเดินขึ้นเขาชัน ชั้นที่มีความสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้น 9-10 สายน้ำไหลลงจากหน้าผาสูงชันลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง สายน้ำไหลแรงจนเกิดเสียงดังกังวาน รวมถึงละอองน้ำที่กระจายเป็นม่านหมอก ความสวยงามนี้ทำให้น้ำตกเขาสอยดาวได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยและสูงที่สุดในภาคตะวันออกเลยทีเดียว        

สำหรับคนที่ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อไปต่อยังชั้นที่ 11-16 คุณต้องเตรียมรองเท้าอย่างดี และเสบียงติดตัวขึ้นไปกินระหว่างทาง ทางเดินช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นเขาสูงชัน ใช้เวลาเดินชม 1 วันเต็ม จึงไม่เป็นที่นิยมนัก ยิ่งถ้าคุณไปเที่ยวน้ำตกสอยดาวในช่วงฤดูฝนด้วยแล้วควรเตรียมยากันทากไปด้วย 

หากคุณไม่เดินขึ้นไปต่อยังชั้นที่ 11-16 บ่ายแก่ๆ ก็จะกลับลงมาถึงบริเวณที่ทำการฯ ที่นี่มีห้องน้ำ ห้องสุขา และร้านอาหารตามสั่งให้บริการคุณ ได้สั่งกินแบบอิ่มท้องก่อนจะไปพักผ่อนท สำหรับชาวค่ายที่ตั้งแค้มป์ เตรียมเสบียงและอุปกรณ์ปรุงอาหารมาเองก็ยังจะได้สนุกสนานกันต่อในยามค่ำคืน 

Day 2

หลังอาหารเช้าในวันนี้ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวยังมีกิจกรรมให้คุณเลือกทำอีกมาก เช่น ชมนก และผีเสื้อ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติรอบด้านทำให้พบเห็นสัตว์ได้ง่าย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมนก และผีเสื้อกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวได้จัดเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติตลอดเส้นทางตามแนวลำธาร ใครมีกล้องส่องนกก็คงจะชอบเส้นทางขับรถชมนกชมพรรณไม้สายนี้มาก โดยพบว่ามีนกในพื้นที่ให้ชมกว่า 276 ชนิดเลยทีเดียว  

กิจกรรมดูนกชมผีเสื้อคุณอาจจะใช้เวลาชมประมาณครึ่งวัน ช่วงเที่ยงค่อยเก็บสัมภาระ ใครจะไปเที่ยวสระแก้วต่อตามทางหลวงหมายเลข 317 ก็ตามสะดวก แต่ถ้าใครจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ต้องย้อนกลับเข้าตัวเมืองตามทางหลวงหมายเลข 317 เช่นกันแต่คุณจะต้องผ่านอ.โป่งน้ำร้อน ที่นี่มีล่องแก่งคลองโป่งน้ำร้อนสุดสนุกที่คุณไม่ควรพลาด 

แต่ก่อนที่จะไปที่ อ.โป่งน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 2 กม. จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว คุณยังจะได้ขับรถไปเที่ยวตลาดชายแดนบ้านผักกาด, บ้านแหลม ก่อนด้วย จันทบุรีมีตลาดติดชายแดนอยู่สองแห่งคือ บ้านผักกาดและบ้านแหลม สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าปลอดภาษี และผักผลไม้ นอกจากนี้หากคุณต้องการข้ามไปยัง จ.พระตระบองประเทศกัมพูชา ด่านทั้งสองก็เปิดให้ข้ามทุกวัน (ยกเว้นช่วงโควิด 19)

จากนั้นขับรถย้อนกลับมาตามทางหลวงหมายเลข 317 ประมาณ 22 กม. ก็จะถึง อ.โป่งน้ำร้อนให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3193 ไปทางบ้านคลองใหญ่ถึง กม.ที่ 18 มีป้ายบอกทางไป วังขอน ชาเล่ต์ ผู้ให้บริการล่องแก่งเรือยางคลองโป่งน้ำร้อน

คลองโป่งน้ำร้อน เป็นสายน้ำที่ไหลมาจากเขาสอยดาว เขาสะพานหิน และเขาปีกกา จากนั้นจะไหลรวมกันผ่านบ้านแหลม และข้ามชายแดนไปสิ้นสุดที่ทะเลสาบกัมพูชา ระยะทางล่องแก่งประมาณ 6 กม. จะผ่านแก่ง 15-30 แก่ง มีระดับความยากของแก่งอยู่ประมาณ 2-3 ใช้เวลาล่อง 2-3 ชม.ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายนของทุกปี

จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งจะเริ่มต้นที่วังขอน ชาเล่ต์ ในช่วงแรกยังไม่พบแก่งมากนัก จากนั้นเมื่อผ่านแก่งที่แปดไปสายน้ำจะเริ่มแรงขึ้น แก่งสนุกๆ จะอยู่บริเวณแก่งที่ 9 ส่วนแก่ง 11 จะมีแก่งยาวต่อกันสามช่วง ส่วนแก่ง 17 จะมีความสูงถึง 2 ม. เรียกว่าสนุกสนานไม่ยากและโหดจนเกินไป

เมื่อสุดเส้นทางล่องแก่งจะมีรถมารับคุณกลับรีสอร์ตอาบน้ำอาบท่าเข้ารถเข้าตัวเมือง หากเหนื่อยล้าจะค้างแรมที่ตัวเมืองอีกสักคืนเช้าเที่ยวตัวเมืองอีกหน่อย สายๆ ค่อยกลับกรุงเทพฯ ก็ได้