ผาแต้ม แก่งตะนะ อุบลราชธานี

Trips อุบลราชธานี

ผาแต้ม อุทยานฯริมโขง มองเห็นฝั่งลาวอยู่ใกล้ๆ

ทริปเดียวเที่ยว 2 อุทยานฯริมโขง

ทั้งผาแต้ม และแก่งตะนะ เป็นอุทยานฯ ที่อยู่ใกล้กัน จุดเด่นของทั้งสองแห่งนี้คล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนกัน แถมยังขับรถเที่ยวชมได้สะดวก หากคุณมีเวลาสัก 2 วัน 1 คืน วันแรกเที่ยวผาแต้มก่อน วันที่ 2 เที่ยวแก่งตะนะ ขากลับวนออกไปทางอ.สิรินธร แวะไปเที่ยวตลาดช่องเม็ก ช้อปปิ้งเสร็จค่อยกลับกรุงเทพฯ 

Location
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

จากตัวเมืองอุบลฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 217 จนถึงอ.พิบูลมังสาหาร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2222 ระยะทาง 80 กม. ทางไปอ.โขงเจียม แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2134 (โขงเจียม-เขมราฐ) ขับไปอีก 15 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าบ้านหนองผือน้อย-ผาแต้ม (ทางหลวงหมายเลข 2112) ถึงที่ทำการอุทยานฯ

ดอกโคลงเคลงสีสวยๆ ที่ผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
หากคุณเดินทางจากตัวเมือง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปอ.โขงเจียม จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2173 ไปบ้านหนองชาด จากนั้นจะมีทางเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2296 ไปอุทยานฯแก่งตะนะ

ทุ่งดอกไม้ที่ผาแต้มปลายฝน

Day 1
ขับรถเที่ยวอุทยานฯผาแต้ม
ทั้งหมดใช้เวลาเที่ยว 1 วัน คุณอาจจะเลือกพักที่อุทยานฯ ซึ่งมีทั้งลานกางเต็นท์ บ้านพัก หรือรีสอร์ทริมแม่น้ำโขงในอ.โขงเจียมก็ได้ ผาแต้มเป็นอุทยานฯ ที่มีจุดเด่นทางธรรมชาติหลายแห่ง และค่อนข้างอยู่ใกล้กัน จึงต้องใช้รถตลอดเวลา

ฝีมือมนุษย์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม

ผาแต้ม
Location ใต้ลานหินติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีเส้นทางเดินลงไปใต้หน้าผา เดินง่ายไม่หลง
มาเที่ยวผาแต้ม เริ่มต้นเที่ยวจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน ไปชมนิทรรศการในศูนย์ฯ จากนั้นจึงไปเดินเที่ยวชมภาพเขียนสีโบราณที่ใต้หน้าผา ซึ่งมีทางเดินที่สบาย มีกลุ่มภาพเขียนให้ชมตลอดทางถึง 4 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่กลุ่มที่ 1 (ผาขาม) ซึ่งโดดเด่นด้วยภาพของปลาขนาดใหญ่ ภาพเขียนสีกลุ่มที่ 2 (ผาแต้ม) อยู่ห่างจากกลุ่มแรกมา 300 ม. นับเป็นกลุ่มภาพเขียนสีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ความยาวตลอด 180 ม. มีภาพมากมายกว่า 300 ม. และเป็นที่มาของชื่อ “ผาแต้ม” ด้วย ส่วนภาพเขียนกลุ่มที่ 3 (ผาหมอนน้อย) เป็นเรื่องราวของการประมงและเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และกลุ่มที่ 4 (ผาหมอน) อยู่ห่างจากผาแต้ม 1 กม. เดินชมไปจนถึงผาหมอนแล้ววกกลับขึ้นมาบนหน้าผา เดินกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เป็นวงกลม

ดอกไม้ปลายฝนบนลานหินอันชุ่มฉ่ำ

ช่วงปลายฝน บนลานหินนี้เองยังมีทุ่งดอกไม้สีสันสวยสดให้ชมเป็นของแถม หลังจากนั้นไปยืนชมวิวแม่น้ำโขงบนลานหินผาแต้ม ส่วนขากลับออกจากอุทยานฯ แวะชมเสาเฉลียงน้อย ซึ่งอยู่ข้างทางด้านขวามือได้ด้วย

น้ำตกแสงจันทร์

น้ำตกแสงจันทร์
Location : บ้านทุ่งนาเมือง จากผาแต้ม ใช้ทางหลวงหมายเลข 2112 ทางไปอ.เขมราฐ เมื่อมาถึงสามแยกต.นาโพธิ์กลางให้เลี้ยวขวาตามป้ายบอกทางไปน้ำตก (เส้นทางเดียวกับทางไปป่าดงนาทาม-ผาชนะได) 
มีชื่อเสียงมากที่สุดของผาแต้ม มีต้นกำเนิดมาจากลำห้วยท่าล้ง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง ลักษณะพิเศษของน้ำตกนี้คือสายน้ำจะไหลจากธารหินตกลงในรูของเพิงถ้ำที่เกิดจากการยุบตัวของหิน จึงมีเชื่อเรียกแบบชาวบ้านว่า “น้ำตกลงรู” จะมีน้ำมากสวยงามที่สุดในหน้าฝน ว่ากันว่าในช่วงพระจันทร์เต็มดวงมายืมชมน้ำตกนี้ในยามค่ำ แสงเดือนจะสาดเข้าหาน้ำตกเป็นประกายสวยงามมาก จนได้ถูกขนานนามว่า “น้ำตกแสงจันทร์” นั่นเอง

น้ำตกสร้อยสวรรค์ ไหลลงมาเหมือนสายสร้อย

กลุ่มน้ำตกสร้อยสวรรค์+น้ำตกทุ่งนาเมือง
Location : น้ำตกสร้อยสวรรค์ตั้งอยู่ที่บ้านหนองผือ ส่วนน้ำตกทุ่งนาเมืองตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯบ้านคันท่าเกวียน (บ้านทุ่งนาเมือง) ห่างจากน้ำตกแสงจันทร์ 2 กม.
ไปชมน้ำตกทุ่งนาเมือง ให้ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปน้ำตกแสงจันทร์ ขับรถตรงไปตามถนนลาดยาง 2 กม. จนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ บ้านคันท่าเกวียน จอดรถที่หน่วยฯ จากนั้นเดินเลาะไหล่เขาลงไปก็ถึงน้ำตกทุ่งนาเมือง
ส่วนน้ำตกสร้อยสวรรค์อยู่ห่างจากน้ำตกทุ่งนาเมือง 13 กม. เส้นทางเดียวกับทางไปผาชนะได-ป่าดงนาทาม จะมีป้ายทางแยกไปน้ำตกบอกเป็นระยะๆ

น้ำตกทุ่งนาเมือง เกิดจากลำห้วยทุ่งนาเมือง มี 2 ชั้น คือน้ำตกทุ่งนาเมืองน้อยอยู่เหนือลำธารด้านบนก่อนถึงที่ทำการหน่วยฯ จอดรถข้างทางแล้วเดินลงไปชมได้ ส่วนน้ำตกทุ่งนาเมืองใหญ่อยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ฯ พอดี เดินจากหน่วยฯ ลงไปเพียง 15 ม. ส่วนใหญ่คนนิยมมาชมน้ำตกทุ่งนาเมืองใหญ่เพราะเป็นชั้นที่สูง สายน้ำไหลตกจากหน้าผากว้าง ความสูงราว 20 ม.มีบันไดทางเดินลงไปชมน้ำตกชั้นล่างได้อย่างใกล้ชิด และมีวิวที่สวยที่สุดในช่วงหน้าฝน
สิ่งที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกนี้คือ “เถาวัลย์ยักษ์” อยู่ตรงทางเดินลงไปชมน้ำตกทุ่งนาเมืองชั้นล่างนั่นเอง

เถาวัลย์ยักษ์ที่น้ำตกทุ่งนาเมือง

น้ำตกสร้อยสวรรค์ เป็นน้ำตกใหญ่ที่เกิดจากลำห้วย 2 สายไหลมาบรรจบกัน มองดูแล้วคล้ายกับสร้อยคอ และยังมีความสวยงามมากประดุจดั่งสร้อยจากสรวงสวรรค์ จนกลายมาเป็นที่มาของชื่อน้ำตก จุดเด่นของน้ำตกนี้ไม่ได้มีเพียงวิวสวยของน้ำตกสูงกว่า 30 ม.นี้เท่านั้น แต่ยังมีทิวทัศน์ของทุ่งดอกไม้บนลานหินที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก

หยาดน้ำค้างสีสวยๆ ช่วงปลายฝน
ดอกไม้ปลายฝนอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ

ในช่วงปลายฝนประมาณเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนธันวาคม ทั่วลานริมห้วยสะหนมเหนือน้ำตกสร้อยสวรรค์จะสะพรั่งไปด้วยดอกไม้เล็กๆ มากมาย เช่น ดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน กระดุมทอง ทิพย์เกสร หญ้าบัว มณีเทวา และหยาดน้ำค้าง ที่บานพร้อมกันประหนึ่งว่าคุณได้เดินเที่ยวอยู่ในอุทยานสวรรค์ก็ไม่ปาน

เสาเฉลียง

ผาชนะได+เสาเฉลียงคู่
Location : ทางทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯผาแต้ม
จากผาแต้มใช้ทางหลวงหมายเลข 2112 ทางไปอ.เขมราฐ เมื่อถึงสามแยกอบต.นาโพธิ์กลาง เลี้ยวขวาตามทางไปน้ำตกทุ่งนาเมือง ก่อนถึงบ้านนาโพธิ์ใต้จะมีแยกซ้ายมือไปผาชนะได-ป่าดงนาทาม มีทางลาดยางไปจนสุดถนนที่วัดถ้ำปาฏิหาริย์ เริ่มต้นเดินเท้าจากที่นี่ ส่วนใครที่มีรถขับเคลื่อนสี่ล้อแบบยกสูง จะขับไต่ลานหินขึ้นไปจนถึงลานกางเต็นท์บนผาชนะไดเลยก็ได้

โหง่นแต้ม

หากคุณไม่ได้ขับรถไปเอง หรือขับรถเก๋งไป อยากจะขึ้นไปเที่ยวผาชนะไดแบบไม่ต้องเดิน ติดต่อศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว อบต.นาโพธิ์กลาง ซึ่งจะมีบริการนำเที่ยวผาชนะได-ป่าดงนาทาม รวมทั้งบริการแค้มปิ้งบนผาชนะไดด้วย
ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ผาชนะไดนั้นยังมีที่เที่ยวรายทางให้แวะด้วย จะผ่านน้ำตกกิ๊ด น้ำตกห้วยพอก

น้ำตกห้วยพอกมีน้ำถึงต้นหนาว

ถัดไปคือหินเต่าชมจันทร์ ซึ่งมองดูคล้ายกับเต่ากำลังแหงนมองท้องฟ้า ห่างออกไปอีกราว 1 กม. เป็นน้ำตกสะปันให้พักชมวิวกันก่อน จากนั้นเดินต่ออีก 1 กม. จะถึงพลาญหินถ้ำไฮ ถัดขึ้นไปอีกจะผ่านเสาเฉลียงคู่ ห่างกันเพียง 400 ม. คือเพิงหินโหง่นแต้ม ซึ่งมีภาพเขียนสีของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์อยู่ด้วย จากนี้ไปก็จะเป็นเส้นทางไปยอดผาชนะได ระยะทาง 1.5 กม

ผาชนะได แค้มปิ้งบนเขารอชมพระอาทิตย์ขึ้น

. บริเวณผาชนะไดนี้จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นวิวแม่น้ำโขงและฝั่งลาว รวมถึงยังชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม ซึ่งที่ผาชนะไดนี้เองที่ได้ชื่อว่าเป็น “จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม” และเป็นจุดที่อ้างอิงเวลาพยากรณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นด้วย

ทุ่งดอกกระดุมเงินที่ป่าดงนาทาม
ป่าดงนาทาม

ชมวิวเสร็จแล้วเดินไปชมวิวน้ำตกห้วยพอกกันต่อ ช่วงเวลาที่น่าเที่ยวป่าดงนาทามอีกช่วงหนึ่งคือปลายฝนต้นหนาว เพราะจะมีทุ่งดอกไม้บนลานหินบานสะพรั่งอย่างงดงามนั่นเอง

แก่งตะนะ เห็นชัดยามน้ำลด

Day 2
ขับรถเที่ยวอุทยานฯแก่งตะนะ
จากอุทยานฯ ผาแต้ม ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 2173 ผ่านอ.โขงเจียมไปหน่อย เลี้ยวขวาอีกนิดใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงอุทยานฯแก่งตะนะ ที่เที่ยวที่นี่ไม่เยอะเหมือนผาแต้ม ใช้เวลาเที่ยวเพียงครึ่งวันก็หมด ครึ่งวันบ่ายจะขับรถไปเที่ยวอ.สิรินธร หรือช้อปปิ้งตลาดช่องเม็กก็ยังได้

จุดชมวิวแม่น้ำสองสี
Location : วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ริมทางหลวงหมายเลข 2222 และตลิ่งวัดโขงเจียม
ใช้ทางหลวงหมายเลข 2222 ก่อนเลี้ยวขวาเข้าไปอ.โขงเจียม จะเห็นวัดถ้ำคูหาสวรรค์ตั้งอยู่ริมถนน ก่อนถึงตัวอ.โขงเจียม ประมาณ 7 กม. 
แม่น้ำสองสี เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีแม่น้ำไหลมาบรรจบกัน ในช่วงหน้าฝนน้ำหลาก แม่น้ำโขงจะมีสีขุ่นเข้ม หรือเรียกตามภาษาผู้เฒ่าผู้แก่ว่า “โขงสีปูน” ก็คือสีของปูนที่กินกับหมากนั่นเอง แม่น้ำอีกสายหนึ่งที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงคือ แม่น้ำมูล ซึ่งไหลมาจากเขื่อนปากมูล แต่มีสีเทาอมฟ้า จึงเรียกว่า “มูลสีชา” เมื่อสองสายน้ำต่างสีไหลมารวมกัน จึงเกิดเป็นภาพที่แปลกตา เป็นแม่น้ำสองสีที่เรียกรวมกันว่า “โขงสีปูน มูลสีชา” จุดที่สามารถชมวิวแม่น้ำสองสีนี้ได้ในอ.โขงเจียมมีอยู่ 2 แห่ง ที่แรกคือวัดถ้ำคูหาสวรรค์ มองเห็นวิวนี้ในมุมสูงสวยงามมากตลอดจนวิวของฝั่งลาว ส่วนอีกจุดหนึ่งเป็นการชมแบบใกล้ชิดตรงปากแม่น้ำมูลชนกับแมน้ำโขงพอดี อยู่สุดปลายถนนเลียบชายโขง บริเวณศาลานั่งพักในวัดโขงเจียม

ถ้ำพระ
Location : อยู่ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติของอุทยานฯแก่งตะนะ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 500 ม.
เดินตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหรือขี่จักรยานเที่ยว เมื่อขี่มาได้สัก 500 ม. จะมีป้ายแยกซ้ายมือไปยังถ้ำพระ
ถ้ำพระ เป็นโพรงถ้ำกว้างประมาณ 40 ม. อยู่ริมหน้าผาตลิ่งฝั่งแม่น้ำมูล แม้ว่าที่ถ้ำนี้จะดูเหมือนเพิงถ้ำธรรมดาแต่ได้มีการค้นพบศิลาจารึกและแท่นศิวลึงค์ ที่สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน หรือพระเจ้าจิตรเสน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 ซึ่งบนฐานโยนีนั้นมีจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤตระบุถึงชัยชนะเหนือดินแดนนี้ จึงได้มีการสร้างรูปโคอสุภะและศิวลึงค์เป็นสัญลักษณ์เอาไว้ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงฐานโยนีเท่านั้น ถัดจากถ้ำพระไปไม่ไกลยังมีน้ำตกรากไทรให้ชมด้วย แต่จะมีน้ำเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น

สะพานแขวนข้ามไปดอนตะนะ

แก่งตะนะ+ดอนตะนะ
Location : อยู่ทางตอนใต้ของดอนตะนะ ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำมูล มีจุดชมวิวแก่งอยู่ที่ลานกางเต็นท์หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เมื่อมาถึงที่ทำการอุทยานฯแล้ว ให้ขับรถตรงไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะถึงจุดชมวิวแก่งตะนะ หากจะเดินข้ามไปยังดอนตะนะ จะมีสะพานแขวนเดินข้ามได้อย่างสะดวก
แก่งตะนะ เป็นแก่งหินขนาดใหญ่อยู่กลางแม่น้ำมูล มีพื้นที่กว้างมากราว 1 ตร.กม. เมื่อแม่น้ำมูลไหลผ่านดอนตะนะน้ำจกแยกเป็น 2 สายและมาบรรจบกันที่แก่งตะนะ ในอดีตพ่อค้าวาณิชทั้งหลายที่สัญจรผ่านแก่งนี้ต่างบอกเล่าถึงอันตรายของสายน้ำเชี่ยวบริเวณแก่งนี้ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงเรียกว่า “แก่งมรณะ” และต่อมาจึงเพี้ยนไปเป็น “แก่งตะนะ” มาจนปัจจุบัน หลังจากที่ชมวิวแก่งตะนะแล้ว เดินข้ามสะพานแขวนเพื่อข้ามไปเดินเล่นที่ดอนตะนะได้ หากเป็นช่วงหน้าแล้งที่ดอนตะนะจะมีหาดทรายให้ลงเล่นน้ำได้ด้วย

ดอนคำปากมูล

เที่ยวเขื่อนสิรินธร
จากแก่งตะนะ ขับรถอีกนิดเดียวก็ถึงเขื่อนสิรินธร คุณอาจแวะเที่ยวที่นี่ในขากลับเพราะระยะทางสั้นกว่า มาพักกินมื้อเที่ยง หรือพักเบรกช่วงบ่ายกับร้านอาหารแบบซุ้มชายน้ำ กินปลาเขื่อนอร่อยๆ แล้วค่อยไปต่อที่ตลาดชายแดนช่องเม็ก

ช้อปเสร็จตอนเย็นๆ แล้วค่อยขับรถกลับตัวเมืองอุบลฯ