ชมป่าซากุระใกล้เมือง หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน
ดอกพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย จะพร้อมออกดอกเต็มๆ ต้นช่วงปีใหม่ ความสวยงามอันมีเวลาสั้นๆ และมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ลมแรงเกินไป หรือฝนตก พญาเสือโคร่งก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว จึงเรียกได้ว่าการได้เห็นพญาเสือโคร่งที่สวยที่สุดนั้นต้องลุ้นกันในแต่ละปี และหนึ่งในจุดชมความงามของดอกไม้ชนิดนี้ที่โด่งดังที่สุดก็คือ หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน
Location หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองราว 24 กม.
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้คุณมุ่งหน้าทางถ.ห้วยแก้ว ตรงผ่านสี่แยกรินคำ สี่แยกภูคำ หน้าม.เชียงใหม่ และสวนสัตว์เชียงใหม่ จากนั้นชื่อถนนจะเปลี่ยนเป็นถ.ศรีวิชัย ให้คุณตรงต่อมาตามเส้นทางสายหลักประมาณ 10 กม. จะเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยสุเทพ จากนั้นตรงต่อมาตามเส้นทางหมายเลข 1004 ผ่านพระตำหนักภูพิงค์ฯ พอถึงทางแยกหน้าหมู่บ้านม้งดอยปุย ให้คุณเลี้ยวขวาทันที แล้วขับตรงไปบนเส้นทางอบจ.ชม.4038 ซึ่งมีลักษณะเป็นทางดินสลับกับทางลาดยาง ถนนช่วงนี้ค่อนข้างแคบควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ จากจุดนี้ถึงขุนช่างเคี่ยนมีระยะทางประมาณ 4 กม.
ช่วงเวลาที่จะได้เห็นความงามของซากุระอยู่ในฤดูหนาว ราวกลางเดือนธันวาคม-ปลายมกราคม
แม้หนทางจะยากลำบากสักเพียงใด แต่นักท่องเที่ยวไม่น้อยก็นิยมแวะมาเยี่ยมเยือนดงซากุระที่ขุนช่างเคี่ยนอย่างไม่ขาดสาย เป็นประจำทุกปี เส้นทางท่องเที่ยวบนถนนสายซากุระสายนี้ ได้รับความนิยมทั้งจากเจ้าถิ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวขาจร เพราะตลอดเส้นทางสู่ป่าสีชมพูมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ให้คุณได้แวะเที่ยวเรียกน้ำย่อย ก่อนเต็มอิ่มพอดีกับถนนสีชมพู ไฮไลท์สุดอลังการบนขุนช่างเคี่ยน
ที่เที่ยวก่อนขึ้นขุนช้างเคี่ยน
แน่นอนว่าคุณควรจะมุ่งหน้าไปขุนช่างเคี่ยนก่อน ขากลับหากพอมีเวลาอยากจะแวะเที่ยวก็ค่อยจัดไป นั่นคือวัดพระธาตุดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ, และหมู่บ้านม้งดอยปุย
จุดชมซากุระ
การเดินทางต่อเพื่อชมดงดอกพญาเสือโคร่งซึ่งอยู่ห่างออกไปบนเส้นทางสายลาดยางเล็กๆ อันคดเคี้ยวและเลี้ยวลด การเดินทางหลังจากบ้านม้งดอยปุย ให้คุณเลือกขับย้อนออกมาบริเวณสามแยกทางเข้าหมู่บ้าน แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางไต่เนินชันมาไม่ไกลราว 2 กม. ฝั่งซ้ายมือจะเป็นลานกว้างเหมาะสำหรับใช้พักรถพร้อมชมทิวทัศน์ของบ้านม้งจากมุมสูง
หลังจากนั้นทางจะเริ่มชันขึ้น มีทั้งทางลาดสลับกับเนิน ขับกันจนเพลินประมาณ 6 กม. จะเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯที่ทป.7 (ช่างเคี่ยน) อีกหนึ่งจุดกางเต็นท์ยอดนิยม บริเวณหน่วยพิทักษ์ฯร่มรื่นด้วยต้นสนสูง รวมทั้งเพียบพร้อมด้วยสิ่งจำเป็น ทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านอาหาร หากคุณเลือกค้างแรมที่นี่ จะได้ชมไฮไลท์เด่นหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นดาวบนดิน ซึ่งเกิดจากแสงไฟดวงน้อยใหญ่ทั่วเมืองเชียงใหม่ ที่เปล่งประกายระยิบระยับจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากยอดเขาใกล้เมืองลูกนี้
ถัดจากหน่วยพิทักษ์ฯราว 1 กม.เศษ บนเส้นทางสายเดียวกันคุณจะเริ่มสังเกตุเห็นต้นไม้สูงที่แผ่กิ่งก้านพร้อมประดับด้วยดอกไม้สีชมพูสะพรั่งทั้งต้น และจะเริ่มเยอะขึ้น ตามระยะทางที่ลึกเข้ามาเรื่อยๆ จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมจอดรถแวะเก็บภาพประทับใจเป็นมุมแรกคือ บริเวณดงซากุระริมทางลงเนินก่อนถึงโค้งที่มีลักษณะคล้ายตัว U เนื่องจากริมถนนพอมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้ หรือใครที่ถนัดเดินไกลจะขับรถยาวมาจนถึงศูนย์วิจัยฯคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วเดินย้อนกลับมาก็ไม่ถือว่าผิดกติกา
หลังจากโค้งยูเทิร์นถนนสองฝั่งจะถูกคลุมด้วยอุโมงค์สีชมพูจนถึง ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ที่มุมชมซากุระอีกหลายจุดตั้งแต่บริเวณบ้านพัก รวมถึงแปลงวิจัยฯซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกล เมื่อคุณข้ามผ่านมายังบริเวณนี้ไม่ว่าจะมองดวยตา หรือแพนด้วยกล้องไปทางไหน คุณก็จะพบแต่ดอกซากุระสีชมพูสดใสอยู่รอบตัว ใครที่รักการถ่ายภาพจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เนื่องจากมุมเยอะชนิดที่ว่ากดชัตเตอร์กันจนเมื่อยนิ้วเลยทีเดียว ส่วนช่วงที่เหมาะในการเก็บภาพดงพญาเสือโคร่งกลุ่มใหญ่ที่ดูมีมิติสวยงามในหุบเขาเมื่อมองจากแปลงวิจัยฯ จะอยู่ราวๆ 10 โมง หลังจากนั้นมุมนี้จะย้อนแสงเต็มๆ ใครที่ตั้งใจนอนบนยอดดอยแห่งนี้แต่แรกน่าจะไม่มีปัญหา แต่คนไหนเลือกเดินทางจากตีนดอยสุเทพอาจต้องวางแผนออกแต่เช้า
จากนั้นตรงยาวเพื่อเที่ยวชมซากุระก่อน แล้วค่อยแวะเที่ยวรายทางช่วงขากลับแทน ส่วนใครที่มีเวลาทั้งวัน หลังจากเหนื่อยกับการโพสท่าคู่กับดอกพญาเสือโคร่งในช่วงเช้า ตกบ่ายยังมีจุดถ่ายซากุระอีกหลายที่ให้คุณได้เลือกเก็บภาพ เช่น บริเวณหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยนที่อยู่ห่างจากศูนย์วิจัยฯ ราว 800 ม. ทั้งบริเวณโรงเรียน โบสถ์คริสต์ รวมถึงจุดชมวิว ต่างมีต้นพญาเสือโคร่งประดับอยู่ทั่วไปหมด
นอกจากนี้ระหว่างทางหากคุณโชคดียังอาจพบเห็นแมวดาว รวมถึงนกหาชมยากหลายชนิดได้จากผืนป่าบริเวณนี้
เส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์สนุกๆ ขึ้นทาง ลงทาง
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวในวันพักผ่อน เชื่อได้ว่าเส้นทางสายซากุระเส้นนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ทำให้คุณเพลิดเพลินและประทับใจไปอีกแสนนาน เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ขี่ไม่ไกล ไม่ต้องใช้ทักษะมากจนเกินไป แถมยังเลือกขี่ได้ตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์แม่บ้าน รถสกู๊ตเตอร์ รถเกียร์ธรรมดา เกียร์ออโต้ รถวิบาก รถเครื่องเล็ก และรถเครื่องใหญ่ ขอให้มีเวลาอย่างน้อยๆ สักหนึ่งคืนก็พอ
Day 1
เส้นทางสายนี้คุณสามารถเลือกขี่ได้เป็นวงกลมจากถ.ห้วยแก้วหน้าม.เชียงใหม่ ผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ มุ่งขึ้นดอยสุเทพด้วยเส้นทางหมายเลข 1004 หรือ ถ.ศรีวิชัย เส้นทางช่วงแรกมีลักษณะเป็นเนินชันและคดเคี้ยว แต่ช่องถนนค่อนข้างกว้าง ทำให้ขับง่ายและถือว่าปลอดภัย
หากเลือกใช้รถมีเกียร์แนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำและเลือกขับชิดซ้ายจะปลอดภัยที่สุด จุดแรกที่นิยมแวะชมคืออนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ต่อด้วยน้ำตกห้วยแก้ว ซึ่งเป็นน้ำตกเล็กๆ สูงราว 10 ม.ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยใกล้ทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนตรงต่อไปยัง น้ำตกมนฑาธาร ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกห้วยแก้วประมาณ 3 กม. เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในเขตอุทยานฯดอยสุเทพ-ปุย ลักษณะเป็นน้ำตก 9 ชั้น ส่วนชื่อเรียกได้มาจาก ต้นมณฑา ไม้ยืนต้นดอกสีขาว ที่พบเห็นได้ตลอดเส้นทางขึ้นดอยสุเทพ
หลังจากช่วงนี้ระหว่างทางจะมีจุดชมทิวทัศน์ของตัวเมืองเชียงใหม่ 2-3 แห่ง ด้วยความที่มีสองล้อ ทำให้คุณแวะจอดได้สะดวก จึงเก็บได้ทุกจุดที่น่าสนใจได้อย่างละเอียด หลังจากผ่านจุดชมวิวแห่งสุดท้ายทางฝั่งขวามือที่มีลักษณะคล้ายลานจอดรถเล็กๆ ก็จะถึงยังโค้งวัดใจ ที่เจ้าถิ่นหลายคนเรียกกันเนื่องจาก เป็นโค้งรูปตัว U แถมยังต้องสับเกียร์ให้ต่ำลงพร้อมทั้งออกแรงบิดขึ้นเนินชันทันที ใครไม่ชำนาญจึงความใช้สติเป็นพิเศษสำหรับโค้งและเนินชันบริเวณนี้
ผ่านมาไม่ไกลคุณก็จะพบทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพอยู่ฝั่งขวามือ จัดแจงหาที่จอดเสร็จสรรพ พร้อมชมทิวทัศน์และจุดเด่นสำคัญ ก็ถึงเวลามุ่งหน้าต่อไปยังพระตำหนักภูพิงค์ และบ้านม้งดอยปุย จากบ้านม้งคุณควรคำนวณเวลาให้ดีเพราะนับจากนี้ เส้นทางจะเปลี่ยนเป็นทางที่แคบลง แถมยังชันมากขึ้น ฉะนั้นอย่างไรก็ตาม ไม่ควรออกจากบ้านม้งดอยปุยเกินบ่าย 3 โมง เพราะอาจถึงที่หมายช้ากว่าพระอาทิตย์ตก
บนถนนลาดยางเส้นเล็กอบจ.ชม.4038 ตลอดสองข้างทางจะมีลักษณะคล้ายอุโมงค์ต้นไม้สีเขียว ซึ่งช่วยบังแสงแดดยามบ่ายได้เป็นอย่างดี หลังจากออกแรงหักแฮนด์เลี้ยวเพียงไม่กี่โค้งคุณจะถึงบริเวณจุดชมวิวบ้านม้งดอยปุย ที่หลายคนนิยมใช้เป็นจุดแวะพักทั้งรถและคนไปพร้อมกัน ก่อนตรงไต่ทางชันสลับทางลาด และโค้งซ้าย-ขวา นับไม่ถ้วนจนมาถึงอีกหนึ่งจุดแวะพัก หรือจุดที่หลายๆ ท่านใช้เป็นที่ค้างแรม คือหน่วยพิทักษ์ฯที่ ทป.7 (ช่างเคี่ยน)
จากนั้นอยากให้ลองบิดข้อมือดูนาฬิกากันก่อนว่ามีเวลาเหลือพอที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจตรงไปอีก 2 กม. เพื่อชมดอกซากุระก่อนพระอาทิตย์ตกหรือไม่ ถ้าดูแล้วจะต้องฝ่าความมืดกลับมาเห็นทีจะไม่แนะนำ ร้านอาหารที่หน่วยพิทักษ์ฯ มีให้บริการแต่ต้องรีบสั่งแต่หัววันเพราะร้านออกจะปิดเร็วสักหน่อย อิ่มหมีพีมันอาบน้ำท่าประแป้ง ก็ถึงเวลาเข้านอน
ใครเอามาเต็นท์อาจต้องเผื่อเวลากางสักหน่อย แต่ถ้าเลือกเช่าทางอุทยานฯ มีเต็นท์พร้อมชุดเครื่องนอนเตรียมรองรับอย่างพร้อมสรรพ ส่วนใครที่ยังไม่ง่วงแนะนำให้เดินไปชมแสงดาวบนดินบริเวณศาลาชมวิวที่อยู่ติดๆ กับลานกางเต็นท์
Day 2
วันที่สอง แนะนำให้ตื่นแต่เช้าสักหน่อย เพราะที่ศาลาชมวิวมีทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้นให้ชม เผื่อมีเวลาเหลือจะได้ไปเดินชมนกแถวๆ ศูนย์วิจัย ก่อนแวะเก็บภาพซากุระรายทางกันให้เต็มอิ่ม ตกเที่ยงค่อยมุ่งหน้าลงดอย โดยเริ่มจากศูนย์วิจัยฯ ตรงไปตามทางเดินด้านซ้ายมือก่อนเข้าหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ลักษณะเส้นทางช่วงนี้ออกจะวิบากสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นสภาพถนนลูกรัง ผ่านทั้งป่าทึบ และสวนผลไม้ของชาวบ้าน
จากนั้นเส้นทางสายนี้จะพาคุณไปทะลุที่ด้านหลังห้วยตึงเฒ่า ทะเลสาบยอดฮิตของคนเชียงใหม่ อีกหนึ่งที่เด่นน่าเที่ยว แถมยังมีกิจกรรมสนุกมากมายให้เลือกพักผ่อน ทั้งเล่นน้ำ กระโดดหอ และจักรยานน้ำ ก่อนตกเย็นทานอาหารริมน้ำแล้วขับรถกลับตัวเมือง
เส้นทางนี้เหมาะทั้งสำหรับท่านที่มีเวลาวันเดียวต้องการไปเช้ากลับเย็น รวมถึงท่านที่มีเวลามากกว่า 1 วัน แล้วต้องการเที่ยวช้าๆ สบายๆ ไม่รีบเร่ง
ใครเบื่อการขับรถเที่ยว อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสกับสายลมที่พัดผ่านใบหน้าลองเลือกเช่ามอเตอร์ไซค์สักคันแล้วขี่ชิลล์ๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย
คำแนะนำ
บนถนนสายซากุระไม่มีร้านอาหารเลิศหรู แต่ทานแล้วอิ่มท้องแถมยังปลอดภัย จุดแรกที่แวะรองท้องได้คือ ร้านค้าซึ่งเป็นรถเข็นบริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่มีให้เลือกซื้อทั้งของทานเล่น รวมถึงเครื่องดื่มอย่างหลากหลาย ต่อมาเป็นบริเวณด้านหน้าพระตำหนักภูพิงค์โซนเดียวกับร้านขายของที่ระลึกและลานจอดรถ จะมีทั้งร้านอาหารตามสั่งรวมถึงเครื่องดื่มให้บริการ
ถ้าคุณมีเวลามากหน่อย จะนั่งทานอาหารชิลล์ๆ ในสวนอาหารภายในพระตำหนัก พร้อมชมทิวทัศน์ของสวนดอกไม้ก็น่าสนใจ ส่วนตรงไปอีกนิดบนเส้นทางหมายเลข 1004 คือ หมู่บ้านม้งดอยปุย ที่เพียบพร้อมทั้งที่พักแบบ ร้านอาหารตามสั่ง และร้านชา-กาแฟ บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับสายหมอกเคล้าชาและกาแฟร้อนรสนุ่ม
หลังจากผ่านหมู่บ้านม้งจะพบร้านขายของที่ระลึก รวมถึงเครื่องดื่มอีกครั้งบริเวณจุดชมวิวที่อยู่ห่างออกไปราว 2 กม.แต่เน้นขายเฉพาะช่วงเทศกาลท่องเที่ยวเท่านั้น ก่อนจะพบอีกครั้งที่หน่วยพิทักษ์ฯที่ ทป.7 (ช่างเคี่ยน) ซึ่งมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เต็นท์ เครื่องนอน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและลานกางเต็นท์ ให้บริการอย่างครบครัน หรือใครจะตัดสินใจค้างคืนในบ้านพัก และลานกางเต็นท์ซึ่งเป็นดงดอกพญาเสือโคร่ง ที่ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ดูแลอยู่ก็สะดวกเช่นกัน แต่ถ้าอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมถึงชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ที่อยู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยนมีที่พักแบบโฮมสเตย์หลายหลังคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยราคาสุดเป็นกันเอง
ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โทรศ 053 944 052
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
โทร 053 210 244